“ก.ล.ต.” เปิดเฮียริ่งตั้ง Distressed Bond หวังเพิ่มสภาพคล่อง
“ก.ล.ต.” ออกหลักเกณฑ์การจัดตั้งและจัดการกองทุนรวมที่เน้นลงทุนในตราสารหนี้ที่อยู่ระหว่างผิดนัดชำระหนี้ หวังเพิ่มสภาพคล่องให้แก่ผู้ถือ
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดรับฟังความคิดเห็นหลักการ เพื่อเตรียมออกหลักเกณฑ์การจัดตั้งและจัดการกองทุนรวมที่เน้นลงทุนในตราสารหนี้ที่อยู่ระหว่างผิดนัดชำระหนี้ (distressed bond) เพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้แก่ผู้ถือ distressed bond และรองรับ distressed bond ที่แปรสภาพมาจาก high yield bond ของกองทุนรวม high yield bond
ทั้งนี้ ตามที่ ก.ล.ต. ได้ออกหลักเกณฑ์เพื่อรองรับการจัดตั้งและจัดการกองทุนรวมที่เน้นลงทุนในตราสารหนี้ที่มีความเสี่ยงสูงเพื่อแก้ปัญหาสภาพคล่อง หรือ กองทุนรวม high yield bond ซึ่งมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค.63 เพื่อให้ผู้ออก high yield bond บางรายมีสภาพคล่องและสามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้
ดังนั้น ก.ล.ต. จึงมีแนวคิดที่จะออกหลักเกณฑ์เพื่อรองรับการจัดตั้งและจัดการกองทุนรวมที่เน้นลงทุนในตราสารหนี้ที่อยู่ระหว่างผิดนัดชำระหนี้ หรือ กองทุนรวม distressed bond เพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้แก่ผู้ถือ distressed bond และเพื่อรองรับ distressed bond ที่แปรสภาพมาจาก high yield bond ของกองทุนรวม high yield bond
โดยให้จัดตั้งในรูปแบบกองทุนรวมที่มีการกำหนดอายุกองทุนไว้ชัดเจน และเปิดขายให้เฉพาะผู้ลงทุนสถาบัน และ/หรือผู้ลงทุนรายใหญ่พิเศษเท่านั้น รวมทั้งไม่เปิดให้มีการไถ่ถอนระหว่างอายุของกองทุน (non-redeemable) แต่สามารถกำหนดเงื่อนไขการขายคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติ (auto redemption)
ทั้งนี้ กองทุนรวม distressed bond ต้องลงทุนใน distressed bond อย่างน้อยร้อยละ 60 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (NAV) ส่วนที่เหลือสามารถลงทุนในตราสารทางการเงินหรือธุรกรรมอื่นใดได้ทุกประเภท โดยไม่มีข้อจำกัดเรื่องการกระจายการลงทุน (single entity limit) การกระจุกตัวลงทุน (concentration limit) และให้มีผู้ถือหน่วยลงทุนอย่างน้อย 10 ราย
นอกจากนี้ การจัดการกองทุนรวม distressed bond ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์การจัดการกองทุนรวมเพื่อผู้ลงทุนสถาบันหรือผู้ลงทุนรายใหญ่พิเศษ (กองทุนรวม UI) โดยต้องกำหนดสอดคล้องกับนโยบายการลงทุนและคำนึงถึงผลประโยชน์ของผู้ลงทุนเป็นสำคัญด้วย
โดย ก.ล.ต. ได้เผยแพร่เอกสารรับฟังความคิดเห็นในเรื่องดังกล่าวไว้ที่เว็บไซต์ ก.ล.ต.ผู้ที่เกี่ยวข้องและผู้สนใจสามารถแสดงความคิดเห็นได้ที่เว็บไซต์ หรือทาง e-mail :[email protected] จนถึงวันที่ 7 มิ.ย.64