“จีเอเบิล” เปิดตัว “Blendata” ช่วยจัดการ Big Data ชูจุดเด่นทำงานเร็วขึ้น 3 เท่า

“จีเอเบิล” เปิดตัว “Blendata” แพลตฟอร์มช่วยจัดการข้อมูล Big Data ชูจุดเด่นทำงานเร็วขึ้น 3 เท่า ประหยัดต้นทุนได้ถึง 160% ตั้งเป้าปี 64 เติบโต 100% พร้อมปักธงบุกตลาดเอเปกใน 5 ปี


ดร.ชัยยุทธ ชุณหะชา กรรมการผู้จัดการ กลุ่มบริษัทจีเอเบิล เปิดเผยว่า เราอยู่ในยุคที่ธุรกิจกำลังถูกขับเคลื่อนด้วยข้อมูลและวิถีชีวิตของผู้คนทั่วโลกเข้าสู่ยุคดิจิทัลเต็มรูปแบบ ทำให้ Big Data ในตลาดโลกถูกคาดการณ์ที่จะโตถึง 230,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 7 ล้านล้านบาท ภายในปี 2568 โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์ที่โควิด-19 ในปัจจุบัน เป็นตัวเร่งความสำคัญของการใช้ Big Data เพื่อดำเนินธุรกิจ

ดังนั้น จึงมีความจำเป็นที่องค์กรจะต้องเร่งพัฒนาองค์กร ให้ทุกการตัดสินใจและการทำงานต้องใช้ข้อมูลในการ วิเคราะห์และการตัดสินใจมากขึ้น ที่ไม่ไช่เฉพาะฝ่ายบริหาร แต่จะเป็นทุกฝ่ายในองค์กร อย่างไรก็ตาม การผลักดันให้พนักงานทุกคนสามารถเข้าถึงและใช้ข้อมูลได้ด้วยตัวเองก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ยังคงต้องพึ่งผู้เชี่ยวชาญด้านข้อมูลและเครื่องมือมากมายในการบริหารจัดการ

ทั้งนี้กลุ่มบริษัทจีเอเบิล ในฐานะผู้นำในการให้บริการเทคโนโลยีสารสนเทศและดิจิทัลโซลูชันอย่างครบวงจร ที่มีประสบการณ์มากกว่า 32 ปี และมุ่งมั่นที่จะช่วยทรานส์ฟอร์มธุรกิจต่าง ๆ โดยนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในการขับเคลื่อนธุรกิจของลูกค้าให้ประสบความสำเร็จตามเป้าหมาย ได้มองเห็นโลกปัจจุบันกำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยีกลายเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ

รวมทั้งเข้ามาเปลี่ยนแปลงการใช้ชีวิตของผู้คนอย่างมาก ส่งผลให้องค์กรธุรกิจ และทุกภาคส่วนต้องปรับตัวอย่างรวดเร็ว เพื่อเอาชนะความท้าทายที่เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ พร้อมเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนา และสร้างนวัตกรรมเพื่อขับเคลื่อนธุรกิจร่วมกัน ซึ่ง Big Data คือ เครื่องมือสำคัญในการเพิ่มโอกาสทางธุรกิจให้เติบโตในระยะยาวอย่างยั่งยืน จีเอเบิล จึงมองหาโซลูชันที่สามารถบริหารจัดการและใช้ประโยชน์จาก Big Data ได้ง่าย สะดวก รวดเร็ว และไม่ซับซ้อน แบบที่บุคลากรทุกคนในองค์กรสามารถใช้งานได้ เพื่อช่วยให้ธุรกิจมีผลการดำเนินงานที่ดีและเติบโตอย่างแข็งแกร่ง

“Blendata เป็นบริษัทคนรุ่นใหม่ภายใต้การผลักดันของจีเอเบิล ที่ไม่ได้เกิดจากความคิดผู้บริหารแต่เกิดจากความคิดและความตั้งใจของพนักงานของจีเอเบิลที่จะพัฒนาแพลตฟอร์มบริหารจัดการ Big Data ที่ตอบโจทย์การใช้งาน All-in-one แบบครบวงจร เป็นแพลตฟอร์มที่เปลี่ยนวิธีการจัดการข้อมูลที่ซับซ้อนให้สะดวกและง่ายขึ้น

แม้แต่ผู้ที่ไม่ได้มีความเชี่ยวชาญด้าน IT ช่วยให้การบริหารจัดการข้อมูล Big Data กลายเป็นเรื่องที่ไม่ซับซ้อน ด้วยระบบที่ถูกออกแบบให้มีฟังก์ชันที่จำเป็นต่อการบริหารจัดการข้อมูลอยู่ในแพลตฟอร์มเดียวอย่างครบถ้วน ง่ายกับการใช้งาน ทำให้ธุรกิจและองค์กรสามารถก้าวเข้าสู่ยุคของการขับเคลื่อนด้วยข้อมูล (Data-Driven) ได้อย่างรวดเร็ว พร้อมตอบรับโอกาสใหม่ ๆ และก้าวข้ามขีดจำกัดแบบเดิม ๆ ในยุคที่ธุรกิจต้องขับเคลื่อนโดยข้อมูล” ดร.ชัยยุทธ กล่าวทิ้งท้าย

ด้าน นายณัฐนภัส รชตะวิวรรธน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท เบลนเดต้า จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจุบันประเทศไทยต้องเผชิญ 3 อุปสรรคหลักในขับเคลื่อนองค์กรด้วย Big Data ให้ประสบผล สำเร็จ ได้แก่ 1.การรวบรวมข้อมูลจำนวนมหาศาลจากหลายแหล่งอย่างมีประสิทธิภาพ 2. ความซับซ้อนของการจัดการโครงสร้างพื้นฐานข้อมูล และ 3. ค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการ Big Data ไม่ว่าจะเป็น Software, Hardware โดยเฉพาะอย่างยิ่งบุคลาการที่มีความเชี่ยวชาญด้านนี้ ซึ่งยังคงมีน้อยในประเทศไทย ทำให้มีค่าใช้จ่ายที่สูง

ดังนั้น Blendata จึงมีแนวคิดเริ่มต้นในการพัฒนาแพลตฟอร์มที่สามารถแก้ปัญหาในการทำงานดังกล่าว พร้อมทั้งช่วยองค์กรในการมองหา “โอกาส” ที่ซ่อนอยู่ใน “ข้อมูล” เพื่อให้ทุกคนในองค์กรสามารถเข้าถึงข้อมูลได้มากที่สุด จนนำมาสู่การพัฒนาแพลตฟอร์มสำหรับจัดการ Big Data แบบครบวงจรและง่ายต่อการใช้งาน แม้แต่ผู้ที่ไม่มีความรู้ในการเขียนโค้ดก็สามารถใช้ได้ ตอบโจทย์ Pain points 3 ประการข้างต้นได้ทั้งหมด

ทั้งนี้ จุดเด่นของ Blendata การเป็นแพลตฟอร์มที่ครบวงจร คือ

1.ลดเวลาและความซับซ้อน ในการรวบรวมข้อมูลในองค์กร บริหารจัดการ ประมวลผลข้อมูล และนำข้อมูลไปใช้ เช่น การสร้างแดชบอร์ดแสดงผลภาพรวม ได้ง่ายแบบไม่ต้องเขียนโค้ด

2.เชื่อมต่อข้อมูลมหาศาลในองค์กรและนำมาใช้งานได้จากหลากหลายแหล่ง ทั้งจาก Databases, Flat files, Log, และ Cloud Storages

3.ประมวลผลและวิเคราะห์ข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว แม้เป็นข้อมูลจำนวนมหาศาล ด้วยเทคโนโลยีการประมวลผลในหน่วยความจำแบบคู่ขนาน

4.แพลตฟอร์มแบบเปิด เก็บข้อมูลในรูปแบบ Open formats พร้อม API ที่สามารถเชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มอื่นได้ ไม่เฉพาะกับ Blendata

5.ทำงานอิสระในทุก Environment เช่น Bare metal, Virtual Machine, Hyper-converged หรือแม้กระทั่งทำงานบนโครงสร้างพื้นฐานข้อมูลขนาดใหญ่ที่มีอยู่แล้ว เช่น Hadoop ecosystem

6.ลดการลงทุนทางด้านบุคลากร ทรัพยากรคอมพิวเตอร์ ซอฟต์แวร์ และการบำรุงรักษาด้วยการรวบรวมทุกฟังก์ชันในการจัดการข้อมูลขนาดใหญ่มาไว้ในแพลตฟอร์มเดียว

โดยปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์ที่เริ่มให้บริการแล้วคือ แพลตฟอร์ม “Blendata Enterprise” จับกลุ่มเป้าหมายองค์กรธุรกิจขนาดใหญ่ ทั้งนี้ มีแผนในการเพิ่มผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการจัดการ Big Data เพื่อขยายการบริการให้ครอบคลุม และตอบความต้องการไปยังธุรกิจขนาดกลาง ภายในปีนี้

สำหรับแพลตฟอร์ม “Blendata Enterprise” ของ Blendata สามารถช่วยให้จัดการข้อมูลที่ซับซ้อนได้เร็วขึ้น 270% หรือ 3 เท่าตัว และช่วยประหยัดต้นทุนได้ถึง 160% หรือ 2 ใน 3 ปัจจุบันมีลูกค้าจากบริษัทชั้นนำจำนวนกว่า 15 ราย จาก 11 อุตสาหกรรม เช่น อุตสาหกรรมโทรคมนาคม อุตสาหกรรมการเงินการธนาคาร และอุตสาหกรรมบริการ เป็นต้น

นอกจากนี้ตั้งแต่ปี 2558 ที่เริ่มก่อตั้ง ธุรกิจสามารถเติบโตต่อเนื่องเฉลี่ย 50% ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา ทำให้ในปี 2563 Blendata เติบโตถึง 7 เท่าของรายได้ในปีแรก และในปี 2564 นี้ตั้งเป้าหมายเติบโต 100% ต่อเนื่องไปอีกอย่างน้อย 3 ปี นอกจากนี้ ยังมีแผนขยายตลาดไปยังประเทศกลุ่มเอเปกภายใน 5 ปี

Back to top button