NER ปักหมุดปี 65 รายได้ 2.8 หมื่นลบ. ลุยขยายกำลังผลิต-เจาะตลาดอินเดีย

NER ปักหมุดปี 65 รายได้ 2.8 หมื่นลบ. คาดครึ่งปีหลังธุรกิจแผ่นปูรองนอนปศุสัตว์สร้างรายได้ 400 ลบ. ลุยขยายกำลังผลิตอีก 50,000 ตัน-เพิ่มสัดส่วนยอดขายตลาดอินเดียเป็น 10% จากปัจจุบัน 3% ก่อนวางแผนสร้างโรงงานผลิตใหม่แห่งที่ 3


นายชูวิทย์ จึงธนสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NER เปิดเผยผ่านรายการ “ข่าวหุ้น” ออกอากาศทางช่อง 9 MCOT HD หมายเลข 30 เมื่อวันที่ 23 ก.พ.2565 มีประเด็นสำคัญดังนี้

แผนการดำเนินงานในช่วงปี 2565

NER มีการขยายกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นประมาณ 50,000 ตัน หรือเพิ่มขึ้นราว 10% จากกำลังการผลิตของปี 2564 และตั้งเป้ารายได้ปี 2565 อยู่ที่กว่า 28,000 ล้านบาท หรือเติบโตราว 20% ทั้งนี้คาดว่าในช่วงครึ่งหลังปี 2565 บริษัทฯ จะสามารถรับรู้รายได้จากธุรกิจแผ่นปูรองนอนปศุสัตว์ประมาณ 400 ล้านบาท โดยในปี 2568 วางเป้ารายได้จากการขายสินค้าสำเร็จรูป 3,000-5,000 ล้านบาท ทั้งนี้มั่นใจว่ากำไรปี 2565 จะเติบโตได้ดีกว่าปี 2564

นอกจากนี้ในปี 2565 บริษัทฯ ได้ลงทุนด้านพลังงานทดแทนแสงอาทิตย์ (โซลาร์ เซลล์) ประมาณ 100 ล้านบาท คาดจะช่วยประหยัดต้นทุนค่าไฟฟ้าได้ปีละประมาณ 30 ล้านบาท อีกทั้งยังลงทุนด้านเทคโนโลยี เพื่อนำระบบ AI หรือระบบหุ่นยนต์เข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความรวดเร็วในการผลิต นอกจากนั้นจะดำเนินการวิจัยและพัฒนา (R&D) ในกลุ่มผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป ซึ่งเป็นสินค้าปลายน้ำที่ให้ผลกำไรที่สูงขึ้น โดยการร่วมมือกับมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (ม.อ.) ตั้งศูนย์วิจัยและพัฒนา สำหรับผลิตงานวิจัยออกมาไม่น้อยกว่า 10 ชิ้นภายในช่วงระยะเวลา 2 ปีนับจากนี้ เพื่อรองรับการเติบโตของบริษัทฯ

แผนการขยายกำลังผลิตในปี 2565

ในช่วงครึ่งหลังปี 2565 จะเห็นความชัดเจนในเรื่องของการเช่าโรงงานผลิตเพิ่มเติม คาดว่าจะช่วงเพิ่มกำลังการผลิตได้อีกประมาณ 40,000 ตันต่อปี ทั้งนี้ NER อยู่ระหว่างการขยายตลาดในประเทศอินเดีย โดยในปี 2565 ตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนยอดขายในตลาดอินเดียเป็น 10% จากปัจจุบันอยู่ที่ราว 3% ทั้งนี้หากสามารถขยายตลาดอินเดียได้ตามเป้าหมายแล้วอาจเริ่มแนวคิดสร้างโรงงานผลิตแห่งที่ 3

สถานการณ์ราคายางพาราในปี 2565 เป็นอย่างไร

เมื่อ 3 ปีที่แล้วต้นยางในประเทศอินโดนีเซียเกิดโรคเชื้อราและใบร่วงจนยืนต้นตาย ส่งผลให้ซัพพลายยางในตลาดโลกหายไปราว 2 ล้านไร่ซึ่งเป็นตัวเลขที่สร้างผลกระทบต่อซัพพลายยางตลาดโลกอย่างมีนัยะสำคัญ ประกอบกับว่า 2 ปีที่ผ่านมาเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 มีการดึงน้ำยางข้นไปทำถุงมือยางมากขึ้น ทำให้ซัพพลายยางที่น้อยอยู่แล้ว ยังถูกดีมานด์การผลิตถุงมือยางดึงออกไปอีก ขณะที่ช่วงปลายปี 2564 สถานการณ์โควิด-19 เริ่มดีขึ้น อุตสาหกรรมยานยนต์กลับมาเป็นตัวเอกในการกระตุ้นเศรษฐกิจในหลายประเทศ จึงมองว่าโอกาสที่ในปีนี้ราคายางจะกลับขึ้นมาสู่ระดับ 70-80 บาทนั้นเป็นไปได้ค่อนข้างสูงมาก

ทั้งนี้ในสถานการณ์ราคายางเป็นขาขึ้นก็จะส่งผลดีต่อธุรกิจของ NER โดยจะมีความสามารถในการสร้างผลกำไรดีขึ้นตามไปด้วย เนื่องจากบริษัทฯ มีลูกค้าประจำ และดำเนินการขายของอย่างต่อเนื่องในทุกๆ วัน อีกทั้งยังทำให้มีอำนาจในการต่อรองราคาได้ดีกว่าช่วงที่ราคายางเป็นขาลง

Back to top button