TFM วางเป้าปี 65 รายได้โตเกิน 15% รับดีมานด์อาหารสัตว์เพิ่ม
TFM วางเป้าปี 65 รายได้โตเกิน 15% รับปัจจัยบวกจากสถานการณ์โควิด-19 ดีขึ้น ส่งผลให้การท่องเที่ยวและการบริโภคในประเทศกลับมาฟื้น หนุนดีมานด์อาหารสัตว์เพิ่ม รับส่วนแบ่งรายได้ TUKL เต็มปี ธุรกิจ AMG-TFM ในปากีสถานเติบโต
นายฤทธิรงค์ บุญมีโชติ ประธานกรรมการ บริษัท ไทยยูเนี่ยน ฟีดมิลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TFM เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 2565 จะสามารถเติบโตได้ไม่ต่ำกว่า 15-17% โดยได้รับปัจจัยหนุนจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่คลี่คลายลง แม้ว่าจะยังมียอดผู้ติดเชื้อจำนวนมาก แต่สายพันธุ์โอไมครอนไม่ได้รุนแรงเหมือนกับสายพันธุ์อื่นๆ ก่อนหน้านี้ ส่งผลให้สามารถกลับมาใช้ชีวิตปกติได้มากขึ้น
โดยพร้อมกันนี้ภาครัฐยังคงเดินหน้านโยบายการเปิดประเทศ จึงคาดว่าจะทำให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและการบริโภคในประเทศกลับมาฟื้นตัว ซึ่งจะเป็นส่วนช่วยสนับสนุนอุตสาหกรรมปศุสัตว์ให้กลับมาฟื้นตัว และส่งผลดีต่อความต้องการอาหารสัตว์ให้มีมากขึ้น ในขณะเดียวกันบริษัทยังอยู่ระหว่างการวิจัยและพัฒนาอาหารสัตว์ชนิดอื่นๆ และวางแผนสร้างอาหารสัตว์น้ำเศรษฐกิจใหม่ๆ เช่น อาหารปู ปลากดคัง ปลาชะโอน เป็นต้น
นอกจากนี้ บริษัทจะมีรายได้จาก บริษัท พีที ไทยยูเนี่ยน คาริสม่า เลสทาริ จำกัด หรือ TUKL ซึ่งดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายอาหารสัตว์น้ำในประเทศอินโดนีเซีย ซึ่ง TFM ถือหุ้นในสัดส่วน 65% ซึ่งจะรับรู้รายได้เข้ามาเต็มปี พร้อมกันนี้บริษัท AMG-Thai Union Feedmill (Private) Limited (AMG-TFM) ที่เป็นบริษัทย่อยในประเทศปากีสถานยังมีการเติบโตได้อย่างต่อเนื่องด้วย
ทั้งนี้ บริษัทคาดหวังว่าอัตรากำไรขั้นต้นในปี 2565 โตขึ้น 10-14% จากปีก่อนที่ 10.34% โดยมองว่าราคาวัตถุดิบหลักคือ กากถั่วเหลือง และ แป้งสาลี จะปรับตัวลดลงได้ในช่วงครึ่งปีหลัง หลังจากที่ราคาพุ่งขึ้นมาต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงครึ่งหลังของปี 2564 พร้อมกันนี้บริษัทยังคงเน้นการบริหารจัดการต้นทุนที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง