“ต่างชาติ” ลงทุนไทย 9 เดือน ทะลุ 1.34 แสนล้านบาท “ญี่ปุ่น” ครองแชมป์อันดับ 1
กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เผยตัวเลข “ต่างชาติ” ลงทุนไทย 9 เดือน ทะลุ 1.34 แสนล้านบาท พบ “ญี่ปุ่น” ครองแชมป์ลงทุนมากสุดกว่า 7.4 หมื่นล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงาน วันนี้ (1 พ.ย.67) นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 เปิดเผยว่า ช่วง 9 เดือน ปี 2567 (ม.ค-ก.ย) มีการอนุญาตให้คนต่างชาติเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจในประเทศไทย ภายใต้พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 จำนวน 636 ราย เป็นการลงทุนผ่านช่องทางการขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว จำนวน 143 ราย
รวมถึง การขอหนังสือรับรองการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวผ่านช่องทางการลงทุนตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน หรือได้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยและการใช้สิทธิตามสนธิสัญญาหรือความตกลงระหว่างประเทศ จำนวน 493 ราย เงินลงทุนรวมทั้งสิ้น 134,805 ล้านบาท จ้างงานคนไทยจากนักลงทุนที่ขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว 2,505 คน โดยชาวต่างชาติที่เข้ามาลงทุน 5 อันดับแรก ได้แก่
1.) ญี่ปุ่น 157 ราย คิดเป็นร้อยละ 25 ของจำนวนธุรกิจต่างชาติในไทย เงินลงทุน 74,091 ล้านบาท ในธุรกิจ อาทิ
– ธุรกิจบริการทางวิศวกรรมและเทคนิค เช่น ให้คำแนะนำด้านเทคนิคการตรวจสอบการกำหนดค่ารวมถึงแก้ไขปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการผลิต การติดตั้ง และการใช้งานเครื่องจักร เป็นต้น
– ธุรกิจโฆษณา
– ธุรกิจบริการจัดเก็บสินค้า วัตถุดิบ สินค้าควบคุมอุณหภูมิ เคมีภัณฑ์ และสารเคมีและวัตถุอันตราย
– ธุรกิจบริการให้ใช้แอปพลิเคชัน
– ธุรกิจบริการรับจ้างผลิตสินค้า อาทิ อุปกรณ์ระบบไฟฟ้ากำลัง เครื่องใช้ไฟฟ้าสำหรับงานอุตสาหกรรม ชิ้นส่วนยานพาหนะ
2.) สิงคโปร์ 96 ราย คิดเป็นร้อยละ 15 ของจำนวนธุรกิจต่างชาติในไทย เงินลงทุน 12,222 ล้านบาท ในธุรกิจ อาทิ
– ธุรกิจบริการทางวิศวกรรมและเทคนิค เช่น การตรวจสอบมาตรฐานกระบวนการผลิตอุปกรณ์และเครื่องมือช่างไฟฟ้า อาชีวอนามัย และความปลอดภัยในการทำงาน เป็นต้น
– ธุรกิจโฆษณา โดยการให้ใช้พื้นที่บนเว็บไซต์และแอปพลิเคชัน
– ธุรกิจบริการศูนย์กระจายสินค้าด้วยระบบที่ทันสมัย
– ธุรกิจจบริการพัฒนาซอฟต์แวร์
– ธุรกิจบริการรับจ้างผลิตสินค้า อาทิ ไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์, บรรจุภัณฑ์พลาสติก, ชิ้นส่วนอุปกรณ์ Optical Device
3.) จีน 89 ราย คิดเป็นร้อยละ 14 ของจำนวนธุรกิจต่างชาติ เงินลงทุน 11,981 ล้านบาท ในธุรกิจ อาทิ
– ธุรกิจบริการที่ให้แก่บริษัทในเครือหรือบริษัทในกลุ่ม (บริการให้เช่าพื้นที่อาคารโรงงาน)
– ธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ โดยเป็นการจัดซื้อสินค้า วัตถุดิบ และชิ้นส่วน สำหรับอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น เพื่อค้าส่งในประเทศ
– ธุรกิจบริการพัฒนาซอฟต์แวร์เพื่อจำหน่ายและให้บริการ เช่น ระบบบริหารจัดการสถานีชาร์จรถไฟฟ้า แอปพลิเคชันค้นหาและใช้บริการสถานีชาร์จรถไฟฟ้า เป็นต้น
– ธุรกิจบริการตัดโลหะ (Coil Center)
– ธุรกิจบริการรับจ้างผลิตสินค้า (ชิ้นส่วนสำหรับเครื่องใช้ไฟฟ้า แม่พิมพ์ล้อรถ ชิ้นส่วนพลาสติกสำหรับอุตสาหกรรมต่างๆ)
4.) สหรัฐอเมริกา 86 ราย คิดเป็นร้อยละ 13 ของจำนวนธุรกิจต่างชาติ เงินลงทุน 4,147 ล้านบาท ในธุรกิจ อาทิ
– ธุรกิจบริการทางวิศวกรรม ในการให้คำปรึกษาแนะนำทางเทคนิคและฝึกอบรมเกี่ยวกับการบำรุงรักษา การซ่อมแซม การเปลี่ยนอุปกรณ์เสริมและเครื่องยนต์ของเครื่องบินพาณิชย์
– ธุรกิจค้าปลีกสินค้า อาทิ รถสกูตเตอร์ไฟฟ้า และยานพาหนะไฟฟ้า เครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เครื่องมือแพทย์)
– ธุรกิจโฆษณา
– ธุรกิจบริการให้คำปรึกษาและแนะนำในการประกอบธุรกิจด้านต่าง ๆ
– ธุรกิจบริการรับจ้างผลิตสินค้า อาทิ แบตเตอรี่ลิเทียมไอออน, DRUM BRAKE ASSEMBLY
5.) ฮ่องกง 46 ราย คิดเป็นร้อยละ 7 ของจำนวนธุรกิจต่างชาติในไทย เงินลงทุน 14,116 ล้านบาท ในธุรกิจ อาทิ
– ธุรกิจการค้าระหว่างประเทศโดยเป็นการจัดซื้อสินค้า วัตถุดิบ และชิ้นส่วนสำหรับอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น อุตสาหกรรมเครื่องสำอาง เป็นต้น เพื่อค้าส่งในประเทศ
– ธุรกิจบริการฝึกอบรม ติดตั้ง บำรุงรักษา ซ่อมแซม และการปรับ (Calibration) เกี่ยวกับเครื่องจักร เครื่องกล
– ธุรกิจบริการศูนย์กระจายสินค้าด้วยระบบที่ทันสมัย
– ธุรกิจบริการให้ใช้แอปพลิเคชัน เพื่อสมัครและติดตามผลการขอสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์
– ธุรกิจบริการรับจ้างผลิตสินค้า อาทิ ชุดแบตเตอรี่ความจุสูง ชิ้นส่วนโลหะ, Printed Circuit Board Assembly : PCBA)
ทั้งนี้ เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันกับปีก่อน พบว่า การอนุญาตให้คนต่างชาติเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจในประเทศไทย ปี 67 เพิ่มขึ้นจากปี 66 จำนวน 143 ราย คิดเป็นร้อยละ 29 โดยเดือน ม.ค. – ก.ย. 67 อนุญาต 636 ราย
เดือน ม.ค. – ก.ย. 66 อนุญาต 493 ราย และมีมูลค่าการลงทุนเพิ่มขึ้น 50,792 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 60, เดือน ม.ค. – ก.ย. 67 ลงทุน 134,805 ล้านบาท
ส่วนเดือน ม.ค. – ก.ย. 66 ลงทุน 84,013 ล้านบาท ในขณะที่ มีการจ้างงานคนไทยจากนักลงทุนที่ขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวลดลง 3,198 ราย คิดเป็นร้อยละ 56 ซึ่งเดือน ม.ค. – ก.ย. 67 จ้างงาน 2,505 คน, เดือน ม.ค. – ก.ย. 66 จ้างงาน 5,703 คน โดยจำนวนนักลงทุนที่เข้ามาสูงสุดยังคงเป็นนักลงทุนญี่ปุ่นเช่นเดียวกับปีก่อน
นางอรมน กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับการลงทุนในพื้นที่ EEC ของนักลงทุนต่างชาติ ช่วง 9 เดือน ปี 2567 มีนักลงทุนต่างชาติสนใจลงทุนในพื้นที่ EEC จำนวน 207 ราย คิดเป็น 33% ของจำนวนนักลงทุนต่างชาติที่ได้รับอนุญาตในปีนี้ ซึ่งเพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน จำนวน 108 ราย หรือ เพิ่มขึ้น 109% เดือน ม.ค. – ก.ย. 67 ลงทุน 207 ราย
ขณะที่ เดือน ม.ค. – ก.ย. 66 ลงทุน 99 ราย และมีมูลค่าการลงทุนในพื้นที่ EEC จำนวน 39,830 ล้านบาท คิดเป็น 30% ของเงินลงทุนทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน 23,690 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 147%
เดือน ม.ค. – ก.ย. 67 เงินลงทุน 39,830 ล้านบาท, เดือน ม.ค. – ก.ย. 66 เงินลงทุน 16,140 ล้านบาท เป็นนักลงทุนจากญี่ปุ่น 67 ราย ลงทุน 13,191 ล้านบาท, จีน 54 ราย ลงทุน 7,227 ล้านบาท, ฮ่องกง 18 ราย ลงทุน 5,219 ล้านบาท และประเทศอื่นๆ 68 ราย ลงทุน 14,192 ล้านบาท โดยธุรกิจที่ลงทุน อาทิ
– ธุรกิจบริการทางวิศวกรรม โดยเป็นการออกแบบทางวิศวกรรมสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์
– ธุรกิจบริการออกแบบชิ้นส่วนยานยนต์ ประเภทเข็มขัดนิรภัย ถุงลมนิรภัย
– ธุรกิจบริการซ่อมแซมชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์
– ธุรกิจบริการบริการพัฒนาซอฟต์แวร์เพื่อจำหน่ายและให้บริการ เช่น การวางแผนจัดหาและจัดซื้อชิ้นส่วนและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น
– ธุรกิจบริการรับจ้างผลิตสินค้า (อาทิ ชิ้นส่วนโลหะ อุปกรณ์สำหรับรถแทรกเตอร์เพื่อการเกษตร ชิ้นส่วนพลาสติกสำหรับอุตสาหกรรมต่างๆ เป็นต้น)