“อี้ แทนคุณ” จี้ตำรวจเช็กบิล ” หมอคนดัง” เป็นคดีฉ้อโกงประชาชน หลอกลงทุนนับพันล้าน
“อี้ แทนคุณ” เผยผู้เสียหายโดน “หมอชื่อดัง” ตุ๋นคนรวยลงทุน Wellness ทยอยแจ้งความ “กองปราบ” เพิ่ม หวังให้เป็นคดีฉ้อโกงประชาชน เหตุวางแผนอย่างดี พฤติการณ์โหดร้ายหลอกให้หมดตัว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (22 พ.ย.67) นายแทนคุณ จิตต์อิสระ ประธานชมรมสันติประชาธรรม ให้สัมภาษณ์ในรายการ “ข่าวหุ้นเจาะตลาด” ถึงกรณี “หมอชื่อดัง” ชักชวนให้ลงทุนธุรกิจ Wellness ครบวงจร มีผู้เสียหายจำนวนมาก มูลค่ารวมเสียหายรวมเกือบหมื่นล้านบาท
โดยสรุป นายแทนคุณ เปิดเผยว่า มีผู้ร้องเรียนที่เข้ามาปรึกษาตนเรื่องนี้ประมาณ 30 คน ส่วนใหญ่ได้รับ “เช็ค” มาค้ำประกันว่า “เงินลงทุน” ไม่ได้หายไปไหน ซึ่งผู้เสียหายมีทั้งข้าราชการเกษียณ บางคนเคยทำงานอยู่ที่ธนาคารใหญ่แห่งหนึ่ง และชักชวนคนในครอบครัวของตัวเองมาร่วมลงทุนด้วย แต่กลับต้องสูญเงินไปกว่า 50 ล้านบาท และยังมีรายย่อยที่ลงทุนจำนวน 5-10 ล้านบาทอีกจำนวนมาก และมีบางรายเสียหายนับพันล้านบาท แต่เนื่องจากยังไม่อยากแสดงตัว เพราะกลัวจะพังเป็นฟองสบู่ และยังมีความหวังว่า ถ้าหมอคนดังยังมีจิตสำนึก อาจจะคืนเงิน
อย่างไรก็ดีในวันนี้ประมาณ เวลา 9:30 น. ได้มีผู้เสียหายกว่า 10 ราย เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับตำรวจกองปราบปราม รวมมูลค่าความเสียหาย 300 ล้านบาท แต่ไม่อยากออกสื่อเพราะอาย เราต้องให้เกียรติและเคารพการตัดสินใจ
“มีแต่ลูกหนี้ต้องอายแต่นี่เจ้าหนี้ต้องอาย มันก็เป็นเคสที่แปลกดี เพราะว่าการหลอกลักษณะนี้ คือหลอกด้วยโปรเจคที่สร้างความน่าเชื่อถือ ใช้ต้นทุนของตัวเองมีจนหมดหน้าตัก แล้วก็หลอกชนิดที่โหดร้ายมาก คือหมดตัวเลย เพราะเขาบอกว่าเป็นการระดมทุน มีแผนมีโบว์ชัวร์เอกสารจะสร้างที่ศรีราชา โปรเจคนี้สองหมื่นกว่าล้านบวกบวกและจะได้เงินจากดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์มา แล้วต้องมีเงินไปค้ำสัญญาเงินกู้ขนาดใหญ่เพื่อลงทุนร่วมกัน คนก็หลงเชื่อและบอกว่าจะได้ผลตอบแทนร้อยละ 8.5 ก็เลยยิ่งทำให้คนสนใจ”
นายแทนคุณ กล่าวต่อว่า เมื่อมีผู้หลงเชื่อร่วมลงทุนด้วย หมอคนดังจะออกเป็น “เช็ค” มาค้ำ หรือให้เป็นโฉนดที่ดิน ซึ่งภายหลังตรวจสอบแล้วพบว่าเช็คไม่ยอดเงิน ส่วนโฉนดก็เป็นชื่อของคนอื่นทั้งหมด
“มีครอบครัวหนึ่งลงทุนกว่า 30 ล้าน เขามั่นใจมากว่าหมอ บ. ไว้ใจได้ สุดท้ายน็อคมีปัญหาที่สมองจากอาการเครียดจัดต้องเข้าไอซียูอยู่โรงพยาบาลเป็นเดือน” ประธานชมรมสันติประชาธรรม ระบุ
ทั้งนี้ นายแทนคุณ แสดงความเห็นว่า อยากให้กรณีนี้เป็นข้อหา “ฉ้อโกงประชาชน” เพราะพ.ร.บ.เช็ค โทษอาจจะน้อย และถ้าสืบพบว่ามีประกาศเชิญชวนผ่านออนไลน์หรือเปิดเผยให้บุคคลทั่วไปเข้าถึงได้ ข้อหาฉ้อโกงประชาชนโทษจะหนักกว่า และถ้าเป็นการระดมทุนที่เป็นการหลอกลวง จะเข้าข่ายพ.ร.ก.กู้ยืมเงินอันเป็นการฉ้อโกงประชาชนด้วยคล้ายแชร์ลูกโซ่ เพราะจากที่ทราบ กรณีนี้มีผู้เสียหายหลักพันคน มูลค่าความเสียหายรวม 8,000-9,000 ล้านบาท
ส่วนขณะนี้มีข่าว 2 กระแสว่าหมอชื่อดังคนนี้เดินทางไปต่างประเทศแล้ว และอีกกระแสก็ยืนยันว่ายังอยู่ในไทย นายแทนคุณ ระบุว่าเรื่องนี้ไม่ยืนยัน เพราะตำรวจกำลังสืบสวนอยู่ ถ้าพบตัวก็ต้องจับ เพราะเป็นการกระทำที่ภาษากฎหมายเรียกว่า “อาชญากรรมทางเศรษฐกิจ” อาชญากรรมลักษณะนี้ก่อให้เกิดความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจ
ส่วนกระแสที่หมอชื่อดังไปปลอมลายเซ็นอดีตลูกสะใภ้เพื่อนำหุ้นที่เป็นสินสมรสมาเป็นหลักประกันในการกู้เงินนั้น นายแทนคุณ กล่าวว่า ผู้ที่เข้าร้องเรียนมีการพูดถึงเรื่องหุ้นว่า ให้ทำสัญญาแล้วค้ำเป็นหุ้นของโรงพยาบาล แต่ตนไม่ได้ตรวจสอบละเอียดเนื่องจากไม่ใช่ผู้ชำนาญในเรื่องนี้
ส่วนว่าจะมีความเป็นไปได้หรือไม่ว่าเรื่องการปลอมลายเซ็นอดีตลูกสะใภ้เป็นเพียงการจัดฉาก นายแทนคุณ กล่าวว่า เป็นไปได้ทั้งหมด และว่าตนเห็นแต่ลายเซ็นของหมอคนนี้ทั้งค้ำประกันและเช็คที่เด้ง ไม่เห็นลายเซ็นผู้อื่น รวมถึงภรรยาของหมอชื่อดังแต่อย่างใด
ประธานชมรมสันติประชาธรรม กล่าวทิ้งท้ายด้วยว่า คดีลักษณะนี้ต้องใช้เวลารวบรวมผู้เสียหาย เพราะกระจายอยู่หลายพื้นที่ อีกทั้งผู้เสียหายถูกปฏิบัติการทางจิตวิทยาให้แยกส่วนกัน โดยกล่อมให้ไม่ต้องไปรู้จักกับฝ่ายอื่นด้วย ซึ่งกรณีผู้เสียหายหลักพันคน อย่างน้อยต้องใช้เวลา 6 เดือน โดยรวมเชื่อว่า ต้องใช้ 5-6 ปีกว่าจะได้เงินคืน ส่วนทรัพย์ที่อายัดไว้ในช่วงเวลาที่เกิดเหตุก็อีกส่วนหนึ่ง เพราะกรณีนี้เข้าใจว่า วางแผนค่อนข้างดีในการโยกย้ายถ่ายโอนไปยังคนใกล้ตัว ตนเห็นว่า มีโฉนดฉบับหนึ่งถูกโอนไปเป็นของคนใกล้ตัว เป็นกรรมการที่เกี่ยวข้องกับบริษัท