ชื่นมื่น! ไทยเปิดจดทะเบียน “สมรสเท่าเทียม” ชาติแรกในอาเซียน
ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ประเทศไทย เปิดจดทะเบียน "สมรสเท่าเทียม" ทั่วประเทศ บรรยากาศเต็มไปด้วยความอบอุ่นและยินดี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (23 ม.ค.68) เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ที่ประเทศไทยเปิดให้ “คู่รัก LGBTQIAN+” จดทะเบียนสมรสเท่าเทียม ที่มีผลทางกฎหมาย ตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ 24) พ.ศ. 2567 หรือ กฎหมายสมรสเท่าเทียม ที่มีผลบังคับใช้ในวันนี้
สำหรับบริการจดทะเบียนสมรสเท่าเทียม เปิดให้ทุกคู่รักจดทะเบียนสมรสเท่าเทียมได้ที่สำนักทะเบียนทั้ง 878 อำเภอใน 76 จังหวัดทั่วประเทศ และ 50 เขตของกรุงเทพมหานคร (กทม.)
ที่สำนักงานเขตพระนคร พอร์ช-อภิวัฒน์ อภิวัฒน์เสรี และ อาม-สัพพัญญู ปนาทกูล คู่รักนักแสดงจากซีรีส์ “อัยย์หลงไน๋” ซึ่งครองรักกันมากว่า 14 ปี ได้เดินทางมา ร่วมจดทะเบียนสมรสกันอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ตั้งแต่เวลา 8:00 น. บรรยากาศเป็นไปอย่างอบอุ่นและยินดี โดยมีครอบครัวทั้ง 2 ฝ่ายมาเป็นสักขีพยาน
ด้าน “นฤมิตรไพรด์” ร่วมกับ มูลนิธิเพื่อสิทธิและความเป็นธรรมทางเพศ ภาคีเครือข่ายที่ร่วมกันผลักดัน พ.ร.บ.สมรสเท่าเทียม ร่วมมือกับกรุงเทพมหานคร, กระทรวงยุติธรรม, กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.), การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และกระทรวงวัฒนธรรม จัดงาน “Marriage Equality Day” ปักหมุดจดทะเบียนสมรสเท่าเทียมวันแรกพร้อมกันทั่วประเทศไทย ณ ชั้น 5 พารากอนฮอลล์ สยามพารากอน กทม. มีคู่รักจูงมือมาจดทะเบียนสมรสเท่าเทียมจำนวนมาก
นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวเนื่องในโอกาสกฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผลบังคับใช้วันนี้ว่า ในนามของรัฐบาลขอแสดงความยินดีกับคนไทยทุกคนที่ต่อจากนี้ ทุกความรักของคนไทย จะถูกรับรองทางกฎหมาย ทุกคู่จะมีชีวิตอย่างมีเกียรติ มีศักดิ์ศรี บนผืนแผ่นดินไทยกว่า 2 ทศวรรษของการต่อสู้ทั้งในทางกฎหมาย การเผชิญหน้ากับอคติ และการเปลี่ยนแปลงค่านิยมของสังคม ชัยชนะในครั้งนี้ถือเป็นความสำเร็จ จากความร่วมมือของทุกคน
พร้อมกันนี้ นายกฯ ได้กล่าวขอบคุณ นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี ที่มุ่งมั่นทำงานร่วมมือกับทุกภาคส่วนเพื่อผลักดันกฎหมายสมรสเท่าเทียมอย่างเต็มที่ ตามที่เคยให้คำมั่นสัญญาไว้กับประชาชน ขอขอบคุณสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) จากทั้งพรรคฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ที่ร่วมกันผลักดันกฎหมายฉบับนี้ผ่านกลไกของรัฐสภา ขอขอบคุณสื่อมวลชนที่เป็นกระบอกเสียงในการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร ช่วยทำลายมายาคติและอคติที่ฝังรากลึกในสังคมไทย ทำให้เรามาถึงวันนี้
และสำคัญที่สุด ขอบคุณภาคประชาชน พี่น้อง LGBTQIA+ แกนนำสำคัญที่ทำให้กฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผลบังคับใช้ในวันนี้ได้สำเร็จ รวมถึง ความทุ่มเททำงาน สร้างการรับรู้ต่อสู้กับอคติมาตลอดหลายปี ทำให้สังคมไทยยอมรับความหลากหลายทางเพศด้วยหัวใจได้อย่างแท้จริงทำให้ธงสีรุ้งปักลงบนประเทศไทยอย่างภาคภูมิ ทำให้ประเทศไทยเป็นชาติแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเป็นประเทศที่ 3 ของเอเชียที่ผ่านกฎหมายสมรสเท่าเทียม
“รัฐบาลให้ความสำคัญและยึดมั่นเสมอว่า คนไทยทุกเพศ และความรักทุกรูปแบบควรได้รับการยอมรับอย่างเท่าเทียมกฎหมายสมรสเท่าเทียม ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่แสดงให้เห็นว่า สังคมไทยรับรู้และเคารพในความแตกต่างหลากหลายทั้ง เพศสภาพ เพศวิถี เชื้อชาติ ศาสนา ทุกคนมีสิทธิและศักดิ์ศรีเท่าเทียมกัน เพราะความแตกต่าง ไม่ใช่ข้ออ้างในการเลือกปฏิบัตินายกฯ เชื่อมั่นพลังความรักของทุกคนที่ทำให้ในวันนี้ประเทศไทยได้บันทึกประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญ ทำให้ทั้งโลกได้รู้ว่า ประเทศไทยโอบรับความรักทุกรูปแบบ ยอมรับความหลากหลายทางเพศ ซึ่งเป็นพื้นฐานของระบอบประชาธิปไตย พร้อมเชิญชวนให้คนไทยมาร่วมเฉลิมฉลองความสำเร็จนี้ไปด้วยกัน และขอแสดงความยินดีกับคู่สมรสใหม่ทุกคู่” นางสาวแพทองธาร กล่าว
ด้านนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่าน X ส่วนตัว โดยระบุว่า “วันนี้ 23 มกราคม 2568 จะเป็นอีกวันที่มีความหมาย และมีความสำคัญต่อหัวใจ คนไทยหลาย ๆ คน สมรสที่เท่าเทียมเกิดขึ้นได้จริงแล้วด้วยพลังของทุกคน จากนี้ไป จะไม่มีชายหรือหญิงแต่จะเป็นบุคคลกับบุคคลที่เป็นคู่สมรสที่เสมอภาคเท่าเทียมกัน ยินดีจากหัวใจกับทุกความรักของทุกคนครับ #สมรสเท่าเทียม”
ที่สำนักเขตบางรัก ตัวแทนจากพรรคประชาชน นำโดย ธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ สส.บัญชีรายชื่อ, ปารเมศ วิทยารักษ์สรรค์ สส.กทม. และ ณธีภัสร์ กุลเศรษฐสิทธิ์ กรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียม ร่วมเป็นสักขีพยาน และแสดงความยินดีแด่คู่รักที่เดินทางมาจดทะเบียนสมรสเท่าเทียมในวันแรกที่กฎหมายมีผลบังคับใช้ พร้อมกับมอบพวงกุญแจรูปสัญลักษณ์สมรสเท่าเทียมให้เป็นของที่ระลึก
ประเทศไทยเป็นชาติแรกในอาเซียน หรือภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้, เป็นชาติที่ 3 ของเอเชีย และประเทศที่ 37 ของโลก ที่มีกฎหมาย “สมรสเท่าเทียม” ซึ่งรับรองการแต่งงานของเพศเดียวกัน
ขอบคุณภาพ สำนักงานเขตพระนคร