ศาลนัดไต่สวนฟ้องแพ่ง Class Action คดี ZIPMAX เสียหายทะลุ 2 พันล้าน

ศาลแพ่งกรุงเทพใต้ เริ่มไต่สวนคดี ZIPMAX หลังกลุ่มผู้เสียหาย 741 รวมตัวฟ้องคดีแบบ กลุ่ม (Class Action) ล่าสุดมูลค่าความเสียหายทะลุ 2,000 ล้าน พร้อมจ่อดำเนินคดีอาญาเพิ่มเติม

3 ก.พ. 2568

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (3 ก.พ.68) ที่ศาลแพ่งกรุงเทพใต้ ได้มีการนัดไต่สวนคำร้องขอดำเนินคดีแบบกลุ่ม (Class Action) นัดแรกโดยมีกลุ่มตัวแทนผู้เสียหายจำนวน 50 คนมาร่วมเข้าฟังคำไต่สวน สำหรับคดีนี้ตัวแทนกลุ่มได้เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง บริษัท ซิปเม็กซ์ (ประเทศไทย) จํากัด หรือ ZIPMAX และ นายเอกลาภ ยิ้มวิไล อดีตกรรมการและผู้ร่วมก่อตั้ง และผู้เกี่ยวข้องรวม 23 รายเป็นจำเลยในคดีผู้บริโภคแบบกลุ่ม เรียกค่าเสียหายรวมไม่ต่ำกว่า 5 พันล้านบาท ถือเป็นการฟ้องคดีแบบกลุ่ม (Class Action) เกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลคดีแรกของประเทศไทย

นายกิจจา จงขวัญยืน ในฐานะตัวแทนของผู้เสียหาย “กลุ่มร่วมสู้ Zipmex” กล่าวว่า คดีดังกล่าวนี้กลุ่มผู้เสียหายรอกการชดใช้จากบริษัทมานานกว่า 2 ปี รวมถึงการดำเนินคดีทางกฎหมายที่ได้ไปร้องกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแต่ทุกอย่างยังเงียบหาย จนมาถึงปี 67 ผู้เสียหายเห็นแล้วว่าไม่มีความคืบหน้าใดๆ จึงรวมตัวกันฟ้อง จนมีการเริ่มประชุมกันจนมีประมาณผู้เสียหายรวมกันได้ 741 คน

ทั้งนี้แม้มีการกล่าวโทษโดย สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และพิจารณาข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน” โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ส่งให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) พิจารณา แต่จนบัดนี้ก็ยังไม่มีการดำเนินคดีหรืออายัดทรัพย์ เพื่อเยียวยาผู้เสียหายแต่อย่างใด พวกตนจึงจำเป็นต้องรวมตัวยื่นฟ้องแพ่งดำเนินคดีผู้บริโภคแบบกลุ่ม เพื่อปกป้องสิทธิของผู้เสียหายจำนวนมากที่ไม่สามารถว่าจ้างทนายได้

ด้านนายวีรพัฒน์ ปริยวงศ์ ผู้รับมอบอำนาจโจทก์ตัวแทนกลุ่มร่วมสู้ Zipmex เปิดเผยว่า วันนี้กระบวนการดำเนินคดีผู้บริโภคแบบกลุ่มเริ่มนับหนึ่งแล้ว ขอให้จำเลยทุกราย ให้รีบรับผิดชอบเร่งเยียวยาผู้เสียหายเพราะท่าทีและความจริงใจในวันนี้อาจมีผลต่อคดีอาญาที่จะตามมา ซึ่งตอนนี้มีความเสียหายไม่ต่ำกว่า 2,000 ล้านบาท ส่วนเรื่องของคดีอาญาขณะนี้กำลังประสานกับตำรวจแล้วเพื่อดำเนินการ และได้ยื่นไปที่กรมสอบสวนคดีพิเศษแล้วด้วย รวมไปถึงเรื่องของแชร์ลูกโซ่ด้วย

สำหรับคดีนี้สืบเนื่องจาก Zipmex ซึ่งเคยได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลประเภทการเป็น ศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลและนายหน้าซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลตามพระราชกำหนด การประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 ได้ก่อความเสียหายต่อประชาชนผู้ลงทุน ต่อมาสำนักงาน ก.ล.ต. ได้พบการกระทำความผิดกฎหมายหลาย กรณีและได้กล่าวโทษจำเลยไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ดำเนินคดีอาญา อีกทั้งรัฐมนตรีว่าการกระทรวง