ล่มไม่เป็นท่า! “ทรัมป์-เซเลนสกี” เถียงกันดุเดือดต่อหน้าสื่อ ไร้เซ็นข้อตกลง “ยุติสงคราม”

“เซเลนสกี” ออกจากทำเนียบขาวก่อนกำหนด หลังปะทะคารมกับทรัมป์และรองปธน.สหรัฐฯ โดนกล่าวหาว่ายูเครนไม่พร้อมสู่สันติภาพ


สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานวันนี้ (1 มี.ค.68) ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศยกเลิกการแถลงข่าวร่วมกับประธานาธิบดียูเครน โวโลดีมีร์ เซเลนสกี เมื่อวันศุกร์ (28 ก.พ.68) ที่ผ่านมา หลังจากการประชุมที่ตึงเครียดภายในทำเนียบขาว

เซเลนสกีออกจากทำเนียบขาวก่อนกำหนด โดยไร้ข้อตกลงสำคัญว่าด้วยทรัพยากรแร่ธาตุ ซึ่งหลายฝ่ายคาดหวังว่าจะเป็นกุญแจสำคัญต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจและการสนับสนุนทางทหารของยูเครน

มีรายงานว่า ระหว่างการหารือ เซเลนสกีขอคำมั่นสัญญาด้านความมั่นคงที่ชัดเจนจากสหรัฐฯ ซึ่งทำให้ ทรัมป์ และ เจดี แวนซ์ รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ รู้สึกไม่พอใจเมื่อฟังเซเลนสกีพูดเกี่ยวกับสงคราม และความสงสัยของเขาที่ว่ามีการทำข้อตกลงใด ๆ กับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซียหรือไม่

ประมาณ 10 นาทีสุดท้ายของการประชุมที่เปิดให้สื่อมวลชนเข้าร่วมรับฟัง ซึ่งมีระยะเวลารวม 50 นาทีนั้น ได้กลายเป็นการโต้เถียงที่ดุเดือด หลังจากที่แวนซ์บอกเซเลนสกีว่า การเจรจาทางการทูตเป็นสิ่งจำเป็นในการยุติสงคราม และแนะนำให้เซเลนสกีขอบคุณความพยายามของทรัมป์ในการป้องกันไม่ให้ยูเครนถูกทำลายโดยรัสเซีย

ผมคิดว่าเป็นการขาดความเคารพที่คุณมาที่ห้องทำงานรูปไข่เพื่อพยายามอภิปรายเรื่องนี้ต่อหน้าสื่อมวลชนของอเมริกา” แวนซ์ กล่าว หลังจากที่เซเลนสกีโต้แย้งว่าไม่สามารถเชื่อถือในตัวปูตินได้ โดยอ้างถึงการที่ปูตินฝ่าฝืนคำมั่นสัญญาหลายครั้งก่อนหน้านี้

ทรัมป์ให้สัมภาษณ์หลังการประชุม โดยกล่าวหาว่าเซเลนสกีไม่จริงใจต่อแนวทางหยุดยิง และเรียกร้องจากสหรัฐฯ มากเกินไป นอกจากนี้ ทรัมป์ยังกล่าวก่อนที่จะเดินทางไปฟลอริดาในช่วงสุดสัปดาห์นี้ว่า เขาไม่สามารถกลับไปพูดคุยกับเซเลนสกีได้อีกอย่างน้อยในอนาคตอันใกล้นี้

ต่อมา ทรัมป์โพสต์บนโซเชียลมีเดียว่า “เซเลนสกียังไม่พร้อมสำหรับสันติภาพ” หากสหรัฐฯ ยังเป็นผู้สนับสนุนหลัก และย้ำด้วยว่า เขาไม่ได้ให้ความเคารพสหรัฐอเมริกาในห้องทำงานรูปไข่นี้ หลังพบกับเซเลนสกีตัวต่อตัวเป็นครั้งแรก

ด้าน เซเลนสกีโพสต์ข้อความบน X ส่วนตัว ระบุว่า “ยูเครนต้องการสันติภาพที่ยุติธรรมและยั่งยืน และเรากำลังทำงานเพื่อสิ่งนี้” หลังจากที่เขาได้แสดงความขอบคุณต่อสหรัฐฯ

ไม่นานหลังจากโพสต์นั้น ผู้นำยุโรปหลายคนใช้โซเชียลมีเดียเพื่อแสดงการสนับสนุนยูเครน โดยหลายคนกล่าวว่า ไม่ควรสงสัยเลยว่ารัสเซียเป็นฝ่ายเริ่มความขัดแย้ง

การปะทะกันของผู้นำทั้งสองเป็นสัญญาณของความเปราะบางในความสัมพันธ์สหรัฐฯ กับยูเครน รวมถึงอาจส่งผลต่อการสนับสนุนยูเครนในอนาคต

Back to top button