คอกาแฟเฮ! ศาลทรัพย์สินฯ ชี้ขาด“เนสท์เล่” ครองสิทธิ์ “เนสกาแฟ” เพียงผู้เดียวในไทย

ศาลทรัพย์สินทางปัญญาฯ ชี้ขาดให้ “เนสท์เล่ (ไทย)” ถือสิทธิ์แบรนด์ “เนสกาแฟ” เพียงรายเดียวในประเทศ ปลดล็อกปัญหาข้อพิพาทกับ QCP พร้อมเดินหน้ารับออเดอร์เต็มสูบ หลังผู้บริโภค-ซัพพลายเชนสะเทือนจากคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวก่อนหน้า


จากกรณีพิพาทระหว่างบริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด และตระกูลมหากิจศิริ ผู้ถือหุ้นหลักของ บริษัท ควอลิตี้ คอฟฟี่ โปรดักท์ส จำกัด (QCP) ซึ่งเป็นผู้ผลิตกาแฟสำเร็จรูปแบรนด์ “เนสกาแฟ” ในประเทศไทยมานานกว่า 34 ปี ได้กลายเป็นประเด็นร้อนในวงการธุรกิจไทย

โดยต้นเหตุของความขัดแย้งเริ่มจากการที่ “เนสท์เล่” ตัดสินใจยุติสัญญาการผลิตผลิตเนสกาแฟกับ QCP โดยอ้างอิงคำตัดสินของศาลอนุญาโตตุลาการสากล ซึ่งมีผลให้สัญญาสิ้นสุดลงตั้งแต่วันที่ 31 ธันวาคม 2567

ต่อมานายเฉลิมชัย มหากิจศิริ หนึ่งในผู้ถือหุ้นของ QCP ได้ยื่นฟ้องต่อศาลแพ่งมีนบุรี เพื่อขอคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว เมื่อวันที่ 3 เมษายน 2568 โดยศาลมีคำสั่งห้าม “เนสท์เล่” ไม่ให้ผลิต จำหน่าย และนำเข้า ‘เนสกาแฟ’ ในประเทศไทย” ชั่วคราว จนกว่าจะมีคำวินิจฉัยใหม่

คำสั่งศาลส่งแรงสะเทือนทันทีในเชิงธุรกิจ ร้านค้าปลีกเริ่มหยุดรับคำสั่งซื้อสินค้าเนสกาแฟ ขณะที่ผู้บริโภคบางส่วนเริ่มกักตุนสินค้าเนื่องจากความไม่แน่นอน ด้านเกษตรกรที่อยู่ในห่วงโซ่อุปทานทั้งผู้ปลูกกาแฟและผู้เลี้ยงโคนมก็เผชิญความกังวลจากการหยุดผลิตที่อาจลุกลามถึงภาคเกษตร

โดยทางด้าน เนสท์เล่ ได้ยื่นคำร้องต่อศาลแพ่งมีนบุรีเพื่อขอให้ศาลไต่สวนฉุกเฉิน เพื่อขอศาลเพิกถอนคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว เนื่องจากมีผู้ได้รับผลกระทบจำนวนมาก ทั้งเกษตรกร ซัพพลายเออร์ โรงงานผลิตสินค้าอื่นที่เกี่ยวเนื่อง เช่น กระป๋อง บรรจุภัณฑ์อื่นๆ ในวันที่ 11 เมษายน  2568 ขณะที่ทนายฝ่ายโจทย์ได้ยื่นคัดค้านศาลจึงนัดไต่สวนฉุกเฉินในวันที่ 17 เมษายน 2568 เวลา 9.00 น. เพื่อพิจารณาว่าจะเพิกถอนคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวหรือไม่

อย่างไรก็ตามล่าสุดเมื่อวันที่12 เมษายน 2568 “เนสท์เล่” ลงนามโดย นางสาวเครือวัลย์ วรุณไพจิตร ผู้อำนวยการบริหารหน่วยธุรกิจ เนสท์เล่ โพรเฟชชันนัล ประเทศไทย ส่งหนังสือไปยังพันธมิตรทางการค้า เพื่อแจ้งความคืบหน้าล่าสุดถึงสถานการณ์ของธุรกิจเนสกาแฟ โดยระบุว่า

ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางมีคำสั่งชี้ขาดให้ เนสท์เล่เป็นผู้ถือสิทธิ์เครื่องหมายการค้า Nescafe” และ “เนสกาแฟ” แต่เพียงผู้เดียวในประเทศ ทำให้ “เนสท์เล่” สามารถกลับมาจำหน่ายเนสกาแฟ ได้ตามปกติ

สำหรับหนังสือดังกล่าวได้ระบุว่า “บริษัทขอแสดงความขอบคุณอย่างยิ่งต่อการสนับสนุนของท่านในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา บริษัทมีความยินดีที่จะเรียนให้ท่านทราบถึงความคืบหน้าล่าสุดเกี่ยวกับธุรกิจเนสกาแฟ

ตามที่ได้มีการสื่อสารกับท่านเมื่อวันที่ 4 เมษายน 2568 บริษัทมีความยินดีที่จะเรียนให้ท่านทราบว่า ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง ในคดีหมายเลขดำที่ ทป 58/2568 ได้มีคำสั่งยืนยันว่าบริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด เป็นผู้มีสิทธิแต่เพียงผู้เดียวในอันที่จะใช้เครื่องหมายการค้า “Nescafe” และ “เนสกาแฟ” ในประเทศไทย และสามารถใช้เครื่องหมายการค้าดังกล่าวกับสินค้าที่ได้จดทะเบียนไว้ ซึ่งคำสั่งศาลนี้มีผลตั้งแต่วันศุกร์ที่ 11 เมษายน 25668

ตามผลของคำสั่งข้างต้น ทางบริษัทมีความยินดีที่จะแจ้งให้ทราบว่า เนสท์เล่สามารถรับคำสั่งซื้อผลิตภัณฑ์เนสกาแฟได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ทีมงานของเนสท์เล่พร้อมจะให้บริการและให้ความช่วยเหลือท่านในการปรับเปลี่ยนเพื่อเข้าสู่การดำเนินงานตามปกติ

บริษัทขอขอบคุณท่านสำหรับความเข้าใจในช่วงเวลาที่ผ่านมา หากท่านมีคำถามหรือต้องการความช่วยเหลือ ท่านสามารถติดต่อได้โดยตรง

เนสท์เล่มุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจในประเทศไทยอย่างยั่งยืน และจะเดินหน้าลงทุนเพื่อประโยชน์แก่ลูกค้า ผู้บริโภค พนักงานของเรา เกษตรกรที่ร่วมงานกับเรา และพันธมิตรทางธุรกิจ และหวังว่าจะยังคงความร่วมมือที่แข็งแกร่งกับท่านต่อไป”

Back to top button