“แพทองธาร” สั่งตำรวจ-DSI ลุยคดี “ตึกสตง.” ถล่ม จ่อหมายจับ ลั่นรู้ตัวคนผิดเร็วๆ นี้

ผู้สื่อข่าวรายงานวันนี้ (18 เม.ย.68) ว่า นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมร่วมกับ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) และพ.ต.อ.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) เพื่อติดตามผลการสอบสวนเหตุอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) แห่งใหม่ ในเขตจตุจักร ที่ถล่มลงมาจากเหตุแผ่นดินไหวในเมียนมา เมื่อวันที่ 28 มี.ค. ที่ผ่านมา

นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ขณะนี้กระบวนการรวบรวมพยานหลักฐานมีความคืบหน้าอย่างมาก และจะมีการออกหมายจับผู้กระทำผิดในเร็วๆ นี้ โดยได้สั่งการให้ตำรวจดำเนินการทันทีเมื่อมีหลักฐานเพียงพอ พร้อมยืนยันว่า รัฐบาลจะไม่ปล่อยมือเรื่องนี้ และไม่มีแผนจะปล่อยมือเด็ดขาด โดยตนเตรียมนำเรื่องนี้เข้าหารือในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อีกครั้งด้วย

“ในส่วนตัวดิฉัน ดิฉันรับไม่ได้เลยกับการที่มีคนต้องเสียชีวิตจากเหตุการณ์ตึกถล่มเพียงหนึ่งตึก เข้าใจได้ถ้ามันเป็นสถานการณ์เหมือนในเมียนมา ที่เกิดแผ่นดินไหวรุนแรงทั่วประเทศ แบบนั้นมันห้ามกันไม่ได้จริง ๆ แต่กรณีนี้มันแค่หนึ่งตึกเท่านั้นค่ะ” นางสาวแพทองธาร กล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง

นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า ได้มอบหมายให้กรมบัญชีกลางเข้ามากำกับดูแลกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง และให้อำนาจยกเลิกสัญญาหากพบความผิดปกติ พร้อมให้กรมโยธาธิการและผังเมือง เข้าร่วมตรวจสอบการออกแบบ ก่อสร้าง และตรวจรับงานอย่างใกล้ชิด โดยต้องให้ความร่วมมือเต็มที่กับตำรวจและ DSI ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบ ทั้งมาตรฐานวัสดุก่อสร้างต่ำกว่ากำหนด การแก้ไขแบบโดยไม่เสริมเหล็ก รวมถึงพฤติกรรมฮั้วประมูล

ส่วนที่ก่อนหน้านี้จะทำโมเดลจำลองโดย 4 สถาบันการศึกษาร่วม กับกรมโยธาฯ นั้นเป็นการตรวจสอบเชิงลึกถึงสาเหตุที่ทำให้ตึกนี้ถล่ม โดยต้องใช้เวลาดำเนินการ 90 วัน

สำหรับกรณีมีรายงานการปลอมแปลงลายเซ็นในเอกสารราชการ นายกรัฐมนตรี ระบุว่า กำลังอยู่ระหว่างการตรวจสอบ และหากพบว่าเป็นความจริง จะต้องมีผู้รับผิดชอบตามหลักฐาน

“เราจะไม่เหมารวมว่าทุกคนผิด แต่ใครที่เกี่ยวข้องโดยตรงจะต้องรับผิดชอบ ไม่มีทางที่เรื่องนี้จะไม่มีใครรับผิดเลย มันต้องมีบางจุดที่ผิดแน่นอน” นางสาวแพทองธาร ระบุ

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังเน้นย้ำว่า ไม่ว่าจะเป็นอาคารราชการหรือเอกชน การก่อสร้างต้องมีมาตรฐาน เพราะหมายถึงชีวิตของประชาชน พร้อมฝากถึงทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ร่วมมืออย่างเต็มที่กับการตรวจสอบของตำรวจและ DSI เพื่อไม่ให้เกิดข้อครหาจากสังคม โดยขณะนี้มีการรอเอกสารจากทาง สตง. รวมถึงรายงานของกรมอุตุนิยมวิทยาด้วย