ขีปนาวุธ “ฮูตี” บวก “โอเปก” ลดการผลิต ดันราคาน้ำมันพุ่งสูงสุดรอบ 4 ปี!
ขีปนาวุธ "ฮูตี" บวก "โอเปก" ลดการผลิต ดันราคาน้ำมันพุ่งสูงสุดรอบ 4 ปี!
สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ สิ้นสุด ณ วันที่ 6 เม.ย. ปรับเพิ่มขึ้น 3.3 ล้านบาร์เรล จากสัปดาห์ก่อนหน้า ซึ่งสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่าจะปรับลดลง สู่ระดับ 428.6 ล้านบาร์เรล เนื่องจากปริมาณการนำเข้าน้ำมันดิบ และปริมาณการผลิตน้ำมันดิบปรับสูงขึ้น ในขณะที่ปริมาณน้ำมันดิบคงคลัง ณ จุดส่งมอบคุชชิ่ง ปรับเพิ่มขึ้น 1.1 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 36.6 ล้านบาร์เรล
โดยราคาน้ำมันทะยานสู่ระดับสูงสุดในรอบเกือบ 4 ปี สูงสุดตั้งแต่นับตั้งแต่เดือนพ.ย.57 จากแรงหนุนของความตึงเครียดระหว่างซาอุดิอาระเบียและอิหร่านที่ปะทุขึ้น หลังจากที่กบฏฮูตีในเยเมนยิงขีปนาวุธโจมตีกรุงริยาดของซาอุดิอาระเบีย โดยที่ซาอุดิอาระเบียสามารถยิงสกัดขีปนาวุธลูกหนึ่งที่ถูกยิงเข้ามาสู่กรุงริยาด
ทั้งนี้ สงครามกลางเมืองในเยเมนเปรียบเสมือนการทำสงครามตัวแทนระหว่างซาอุดิอาระเบียและอิหร่าน ซึ่งอาจสั่นคลอนความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของผู้ผลิตในกลุ่มโอเปค และส่งผลกระทบต่อความร่วมมือกันของกลุ่มโอเปคในการปรับลดกำลังการผลิตเพื่อรักษาเสถียรภาพของตลาดน้ำมันดิบ
ขณะเดียวกัน จากการตรวจสอบความเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันดิบเมื่อคืนนี้ (12 เม.ย.61) พบว่า น้ำมันดิบ West Texas Intermediate (WTI) ปรับตัวเพิ่มขึ้น 25 เซ็นต์ หรือ 0.34% ปิดที่ 67.07 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบเบรนท์ (Brent) ปรับตัวลดลง 4 เซ็นต์ หรือ 0.1% ปิดที่ 72.02 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ทั้งนี้ มีรายงานด้วยว่า การผลิตน้ำมันของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน หรือ โอเปก ได้ปรับตัวลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 1 ปี โดยตัวเลขการผลิตล่าสุดอยู่ที่ระดับ 31.91 บาร์เรลต่อวัน