บีบให้แน่นเค้นให้ตาย

–ตามกระแสโลก–

 

สัปดาห์ก่อน เราก็ได้รู้กันแล้วว่า รัฐบาลเป่ยจิงไม่เคยได้รับการยอมรับจากชาวฮ่องกงในแง่ของการปกครองเลยซักนิด นับตั้งแต่ฮ่องกงหวนกลับมาอยู่ใต้ปีกพญามังกรเมื่อปี 2540 แถมเหตุการณ์การเคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องสิทธิ ที่เกิดขึ้นมาตลอดช่วง 18 ปีที่ผ่านมา ยังเป็นตัวยืนยันอีกด้วยว่า จีนไม่มีวันที่จะสามารถผนวกฮ่องกงให้เข้ากับตัวเองได้แบบเด็ดขาด เพราะอย่างน้อยที่สุดพวกเขาก็ไม่สามารถซื้อใจคนฮ่องกงได้

จีนได้ทำตามเงื่อนไขที่ให้ไว้กับสหราชอาณาจักร ซึ่งก็คือการให้ฮ่องกงมีรัฐบาลปกครองตนเองได้ โดยการตั้งให้เป็น “เขตบริหารพิเศษฮ่องกง” แต่ก็อย่างที่เรารู้กันนั่นแหละว่า ที่ผ่านมารัฐบาลฮ่องกงก็คือกลุ่มคนที่รัฐบาลเป่ยจิงเป็นผู้แต่งตั้งให้ขึ้นมาดำรงตำแหน่ง ไม่ได้มาจากระบบการเลือกตั้งใดๆทั้งสิ้น จนมาเมื่อปีที่แล้ว ก็ได้มีการประกาศว่า จะมีการเลือกตั้งผู้บริหารเขตขึ้นเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของฮ่องกง แต่คนฮ่องกงรู้สึกดีใจได้ไม่นานก็ต้องพบกับความผิดหวังอีกครั้ง เพราะผู้ที่จะมีสิทธิรับเลือกตั้งต้องเป็นคนที่รัฐบาลจีนเลือกเข้ามาเท่านั้น

งานนี้จีนต้องการซื้อใจคนฮ่องกง ด้วยการทำให้พวกเขาได้รู้สึกถึงประชาธิปไตย อีกทั้งการกระทำเช่นนี้ ยังเป็นการแสดงให้ไต้หวันได้เห็นด้วยว่า พวกเขาก็จะได้รับประชาธิปไตยเช่นเดียวกันกับฮ่องกง หากยอมอ่อนข้อและผนึกเข้ากับจีนอย่างเต็มรูปแบบ แต่ผลมันก็ออกมาอย่างที่เห็นนี่แหละ แทนที่จะเรียกเสียงเชียร์จากชาวฮ่องกง กลายเป็นสร้างกระแสต่อต้านรัฐบาลจีนเพิ่มขึ้นไปอีก ด้วยเหตุนี้เอง รัฐบาลจีนจึงต้องงัดเอาวิธี “หากคนฮ่องกงไม่ยอมรับกติกาของเรา เราก็ต้องเอาคนของเราไปไว้ที่ฮ่องกงให้มากขึ้น” มาใช้ในการแก้ไขปัญหา

นับตั้งแต่ช่วงต้นปีมาจนถึงปัจจุบัน มีชาวจีนแผ่นดินใหญ่ที่โยกย้ายถิ่นฐานเข้ามาใช้ชีวิตอยู่ในฮ่องกงเฉลี่ยวันละ 150 คน ซึ่งถือเป็นจำนวนที่เยอะมาก เมื่อเทียบกับขนาดของพื้นที่ อีกทั้งการเข้ามาของชาวแผ่นดินใหญ่นั้น แน่นอนว่า เป็นการเบียดเบียนตำแหน่งงานของผู้อยู่อาศัยดั้งเดิม ส่งผลให้ชาวฮ่องกงจำนวนมากรู้สึกไม่พอใจ และรู้สึกกดดันเป็นอย่างมาก เพราะก่อนหน้านี้ ทั้งพื้นที่อยู่อาศัย ทั้งตำแหน่งงานก็แทบจะไม่พออยู่แล้ว นี่ยังต้องมาแบ่งกับคนจีนอีก

 

 

 

มิหนำซ้ำ ในช่วง 10 กว่าปีที่ผ่านมา ชาวจีนจำนวนมากนิยมข้ามมาคลอดลูกทางฝั่งฮ่องกง หลังรัฐบาลจีนมีนโยบายควบคุมประชากร แต่นั่นก็ยังไม่ใช่เหตุผลเดียวที่ทำให้เกิดวิธีการแบบนี้ขึ้น เพราะอีกหนึ่งเหตุผลที่สำคัญมากไม่แพ้กันคือ เด็กจะได้รับสัญชาติ ซึ่งเด็กเหล่านี้จะได้รับสิทธิประโยชน์ทางสังคมมากมาย และเท่าเทียมกับผู้อยู่อาศัยเดิม ขณะที่ประเด็นปัญหาสำหรับเรื่องนี้ มันอยู่ตรงที่เทือกเถาเหล่ากอของเด็กทั้งหลาย ไม่ได้เป็นผู้เสียภาษีให้กับรัฐบาลฮ่องกงมาก่อน

นี่ถือเป็นปัจจัยกดดันสภาพจิตใจของชาวฮ่องกงอีกอย่างหนึ่ง เพราะมันทำให้พวกเขารู้สึกเหมือนว่า กำลังโดนเอารัดเอาเปรียบอย่างรุนแรง จากการที่ต้องมานั่งจ่ายภาษีงกๆ เพื่อให้คนอื่นได้ใช้ประโยชน์จากการรับการรักษาพยาบาล รวมไปถึงการศึกษา และอื่นๆอีกมากมายก่ายกอง ซึ่งสถานการณ์ที่เป็นอยู่เช่นตอนนี้ บอกได้เลยว่า มันมีแต่จะแย่ลง โดยเฉพาะเมื่อรัฐมีค่าใช้จ่ายจากจำนวนผู้ใช้สวัสดิการที่สูงขึ้น ก็มีความจำเป็นจะต้องเรียกเก็บภาษีแพงขึ้น เพราะจำนวนผู้เสียภาษีนั้นไม่ได้มีมากขึ้นตามมาด้วย

นอกจากนี้ พ่อค้าแม่ขายชาวฮ่องกงกำลังโดนผลกระทบจากการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้ามายังจีนอย่างหนักหน่วง เพราะตั้งแต่รัฐบาลจีนมีมาตรการนี้ออกมา ยอดขายสินค้าโดยรวมนั้นทรุดลงกว่า 40% แล้ว แถมตัวเลขนักท่องเที่ยวชาวจีนที่เข้ามายังฮ่องกงก็ลดฮวบลงไปด้วย หลังโดนหางเลขจากกรณีทางการจีนออกมาตรการต่อต้านคอรัปชั่น ส่งผลให้ผู้คนจำนวนมากที่เป็นข้าราชการที่จะเดินทางออกนอกประเทศเพื่อการพักผ่อน หรือจับจ่ายใช้สอย ต้องระมัดระวังตัวมากขึ้น เพราะเกรงว่าอาจจะโดนเหมารวมไปด้วย

 

คนฮ่องกง ณ เวลานี้ คงมีความรู้สึกกดดันเป็นอย่างมาก โดยจะเห็นได้ว่า มีผู้คนที่ต้องจำใจอพยพไปยังประเทศอื่น อย่าง แคนาดา สหรัฐอเมริกา อังกฤษ ออสเตรเลีย หรือแม้กระทั่งประเทศไทยเรา จำนวนมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งตรงนี้เองจะเกิดจากความตั้งใจของรัฐบาลจีนที่ต้องการให้เป็นเช่นนี้หรือไม่ ก็ไม่มีใครตอบได้ แต่หากจะคิดเช่นนั้น ก็ถือว่าไม่ผิด เพราะมันก็มีความเป็นไปได้ที่จีนจะอยากให้ประชาชนในฮ่องกงส่วนใหญ่เป็นผู้ที่สามารถยอมรับกฏการปกครองของตัวเองได้ เลยอาจมีแผนยกเครื่องประชากร เอาคนของตัวเองมาใส่ซะเลย

ที่อยู่อาศัยคับแคบ งานก็มีน้อยลง ภาษีก็แพงขึ้น แถมประชาธิปไตยจริงๆจังๆก็ไม่มี ประเด็นปัญหาแบบนี้อาจทำให้ชาวฮ่องกงหลายคนยอมจำนน แล้วอาสาอพยพหนีออกนอกประเทศไปด้วยตัวเอง

 

ภาพประกอบข่าว: theguardian