“หุ้นเอเชีย” สดใสตาม “ดาวโจนส์” นลท.ไร้กังวลเงินเฟ้อสหรัฐฯ
“ตลาดหุ้นเอเชีย” เปิดบวกตามทิศทางหุ้นนิวยอร์ก นลท.มองตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ ไม่ส่งผลให้ “เฟด” เปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินในระยะนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวขึ้นในเช้าวันนี้ ตามทิศทางดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดบวกเมื่อคืนนี้ ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดทำนิวไฮ เนื่องจากนักลงทุนมีมุมมองเป็นบวกว่า การพุ่งขึ้นของตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐจะเป็นเพียงสถานการณ์ชั่วคราวและจะไม่ส่งผลให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินในระยะนี้
โดยดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,614.11 จุด เพิ่มขึ้น 3.25 จุด หรือ +0.09%
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 29,030.04 จุด เพิ่มขึ้น 71.48 จุด หรือ +0.25%
ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 28,864.90 จุด เพิ่มขึ้น 126.02 จุด หรือ +0.44%
ด้านกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ดีดตัวขึ้น 0.6% ในเดือนพ.ค. เมื่อเทียบรายเดือน สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.5% และเมื่อเทียบรายปี ดัชนี CPI พุ่งขึ้น 5.0% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.2551 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 4.7%
อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์ระบุว่า ตัวเลขเงินเฟ้อเดือนพ.ค.ถูกบิดเบือนจากการเปรียบเทียบกับตัวเลขฐานที่ต่ำผิดปกติในปีที่แล้ว ซึ่งขณะนั้นราคาสินค้าได้ทรุดตัวลงโดยได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และจากการประกาศมาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการแพร่ระบาด นอกจากนี้ การพุ่งขึ้นของตัวเลขเงินเฟ้อยังมีสาเหตุจากราคารถยนต์มือสองและรถบรรทุกที่ทะยานขึ้นมากกว่า 7% ซึ่งการเพิ่มขึ้นของราคารถยนต์มือสองมักเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นเพียงชั่วคราว และเกี่ยวข้องกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีเปิดเผยล่าสุดและมีผลต่อภาวะการซื้อขายในตลาดเมื่อคืนนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลงสู่ระดับ 376,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดในรอบเกือบ 15 เดือน หรือนับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐเมื่อเดือนมี.ค.2563
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลงในสัปดาห์ที่แล้ว แต่ก็ยังคงสูงกว่าระดับ 230,000 ราย ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยต่อสัปดาห์ในช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐ