สะพัด! รัฐบาล “ทรัมป์” จ่อปิดสถานทูต-สถานกงสุลสหรัฐ 30 แห่ง

สื่อนอกตีข่าว รัฐบาลทรัมป์ จ่อปิดสถานทูต-กงสุลเกือบ 30 แห่งทั่วโลก หวังลดค่าใช้จ่าย และยกเครื่องนโยบายต่างประเทศ


สื่อต่างประเทศหลายสำนัก รายงานในวันที่ 16 เม.ย.68 ว่า มีการตรวจสอบเอกสารแผนภายใน ที่ระบุว่า รัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ต้องการลดงบประมาณของกระทรวงการต่างประเทศลงครึ่งหนึ่ง การลดงบประมาณดังกล่าว อาจทำให้หน่วยงานต่าง ๆ ของสหรัฐฯ ทั้งสถานทูต และสถานกงสุล ทั่วโลก เกือบ 30 แห่งต้องปิดตัวลง และต้องถูกตัดงบประมาณช่วยเหลือด้านต่างประเทศ

ทั้งนี้แผนดังกล่าวเสนอให้ลดขอบเขตภารกิจทางการทูตใน ประเทศโซมาเลียและอิรัก ซึ่งถือเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ในความพยายามต่อต้านการก่อการร้ายของสหรัฐฯ พร้อมเสนอให้ปรับลดขนาดของสำนักงานทางการทูตอื่น ๆ รวมถึงการแทนที่การดำเนินงานในประเทศที่ถูกปิดสถานทูต ด้วยสำนักงานในประเทศเพื่อนบ้าน

การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้น ท่ามกลางความคาดหวังว่าจะมีการปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ในนโยบายต่างประเทศของสหรัฐฯ ภายใต้แรงผลักดันของกระทรวงประสิทธิภาพรัฐบาล (Department of Government Efficiency) ที่จัดตั้งขึ้นในสมัยประธานาธิบดีทรัมป์ โดยมีนายอีลอน มัสก์ เป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการผลักดันนโยบายลดงบประมาณของภาครัฐ

อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีความชัดเจนว่า วุฒิสมาชิกมาร์โก รูบิโอ ประธานคณะกรรมาธิการความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ วุฒิสภาสหรัฐฯ ได้ให้การสนับสนุนหรืออนุมัติข้อเสนอนี้หรือไม่

ตามเอกสารที่รั่วไหล ระบุว่า สถานเอกอัครราชทูต 10 แห่ง และสถานกงสุลอีก 17 แห่ง อยู่ในรายชื่อที่จะถูกปิด โดยหลายแห่งตั้งอยู่ในยุโรปและแอฟริกา รวมถึงบางแห่งในเอเชียและแคริบเบียน ตัวอย่างเช่น สถานทูตในประเทศมอลตา, ลักเซมเบิร์ก, เลโซโธ, สาธารณรัฐคองโก, สาธารณรัฐแอฟริกากลาง และซูดานใต้

ส่วนสถานกงสุลที่อาจได้รับผลกระทบมี 5 แห่งในฝรั่งเศส, 2 แห่งในเยอรมนี, 2 แห่งในบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา, 1 แห่งในสหราชอาณาจักร, 1 แห่งในแอฟริกาใต้ และ 1 แห่งในเกาหลีใต้

อย่างไรก็ตาม แทมมี บรูซ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ปฏิเสธให้ความเห็นเกี่ยวกับเอกสารภายในดังกล่าว โดยกล่าวเพียงว่า “แผนงบประมาณยังอยู่ระหว่างการจัดทำ และยังเร็วเกินไปที่จะด่วนสรุปเกี่ยวกับเนื้อหาจากเอกสารรั่วไหลซึ่งไม่ทราบแหล่งที่มา”

เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นเคยรายงานว่า กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เริ่มดำเนินการปิดสถานกงสุลบางแห่งที่ระบุอยู่ในแผนฉบับนี้แล้ว

สถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุล ถือเป็นกลไกสำคัญของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ในการให้บริการด้านวีซ่า ความช่วยเหลือแก่พลเมือง การรวบรวมข่าวสาร รวมถึงบทบาทเชิงยุทธศาสตร์ในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ โดยเฉพาะในช่วงที่สหรัฐฯ ต้องแข่งขันกับอิทธิพลที่เพิ่มขึ้นของจีนในหลายภูมิภาค

นักวิเคราะห์หลายฝ่ายเตือนว่า การปิดสถานทูตและสถานกงสุลจำนวนมากในคราวเดียว อาจกระทบต่อบทบาทของสหรัฐฯ บนเวทีโลก ทั้งในแง่การทูต ความมั่นคง และความสามารถในการต่อรองกับประเทศต่าง ๆ ในระยะยาว

Back to top button