SET บ่ายเป็นลักษณะ Wait & See แนะสอย 7 หุ้นกลุ่ม Infrastructure
SET บ่ายมีลักษณะ Wait & See พร้อมให้แนวรับ 1,460 ส่วนแนวต้าน 1,490-1,500 จุด โบรกฯแนะซื้อ CK,SEAFCO,STEC,UNIQ,SCC-เก็งกำไร TPIPL CPALL
ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงานตลาดหุ้นไทยดัชนี SET ภาคเช้า (13 ก.ค.) เคลื่อนไหวในแดนบวกอย่างต่อเนื่อง เหตุได้แรงหนุนจากราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น แต่เจอแรงเทขายทำกำไรออกมาบ้าง จากแรงซื้อดักเก็งผลประชุมธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ด้านตลาดภูมิภาคก็บวกแผ่วคล้ายตลาดบ้านเรา บ่ายนี้ ตลาดฯยังคงเป็นลักษณะ Wait & See พร้อมให้แนวรับ 1,460 ส่วนแนวต้าน 1,490-1,500 จุด
น.ส.อาภาภรณ์ แสวงพรรค ผู้อำนวยการบริหารฝ่ายวิจัย บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้บวกต่อเนื่องรับแรงหนุนจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้น แต่ก็เจอแรงขายทำกำไรออกมาระหว่างทางบ้างหลังจากขึ้นมาหลายวันจากแรงซื้อดักเก็งผลประชุมธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ที่ตลาดฯคาดว่าอาจลดดอกเบี้ยจาก 0.5% มาเป็น 0.25% และเพิ่มวงเงิน QE
ทั้งนี้ ตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ก็บวกแผ่วลงคล้ายตลาดบ้านเรา เนื่องจากยังรอผลประชุม BoE ช่วงนี้ตลาดฯจึงเป็นลักษณะ Wait & See อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นไทยมีแนวฟิวเตอร์ที่ 1,460 จุด ถ้ายืนเหนือได้ก็มีลุ้นไปต่อแถว 1,400 จุดปลาย ๆ ถึง 1,500 จุด แต่การจะปรับตัวขึ้นไปต่อได้คงจะต้องใช้แรงดันมาก เพราะตลาดฯปรับขึ้นมาพอควรแล้ว
แนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่ายนี้ ตลาดฯคงจะเป็นลักษณะ Wait & See ต่อไป พร้อมให้แนวรับ 1,460 จุด ซึ่งเป็นแนวเดียวกับแนวฟิวเตอร์ ส่วนแนวต้านให้ไว้ที่ 1,490-1,500 จุด
บล.ธนชาตระบุในบทวิเคราะห์ (7 ก.ค.) ว่า จากการที่นักลงทุนทั่วโลกกลับมา Risk-On (พร้อมเข้าซื้อสินทรัพย์เสี่ยง) จาก 1) การประเมินผลกระทบ Brexit โดยสำนักต่างๆจำกัด 2) ตัวเลขการจ้างงานสหรัฐฯที่ฟื้นกลับมา แต่ 3) Fed ยังต้องระมัดระวังการขึ้นดอกเบี้ยอยู่ คาด SET ปรับขึ้นต่อไปที่เป้าหมาย 1,520 จุด ในระยะสัปดาห์ หนุนโดย Liquidity Driven (สภาพคล่อง) Earning Driven (กำไรบริษัทจดทะเบียน) และ Political Driven (ความชัดเจนต่อการเลือกตั้ง)
ขณะเดียวกันแนะ“ซื้อ” หุ้นกลุ่ม Infrastructure plays: “ซื้อ” CK SEAFCO STEC UNIQ SCC และ “เก็งกำไร” TPIPL CPALL แนะนำ “ซื้อ” SCC ด้วยเป้าหมายพื้นฐาน 580 บาท จาก 1) เป็น Laggard Play ที่น่าสนใจ โดยราคาหุ้นปรับสูงขึ้นเพียง 5% ขณะที่ SET ปรับสูงขึ้น 14% ตั้งแต่ต้นปี ทั้งๆ ที่ผลการดำเนินงาน 1Q16 ออกมาดีกว่าที่คาด และทำจุดสูงสุดใหม่สำหรับกำไรรายไตรมาส
2) แม้ธุรกิจปูนซิเมนต์ถูกกดดันจากราคาปูนที่อ่อนแอ แต่ราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรที่แข็งแกร่งหนุนกำไรเติบโต 11% ปีนี้ ทำให้กำไรทั้งปี 2016 จะทำจุดสูงสุดใหม่ที่ 5 หมื่นล้านบาท 3) ธุรกิจปิโตรฯ ที่ต่างประเทศผ่าน Chandra Asri เติบโตแกร่ง 4) PE ปัจจุบันที่ 11.4x ยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยตั้งแต่ปี 2012 ที่ 13.7x อยู่ 17% และ 4) เมื่อพิจารณาในทางเทคนิค เพิ่งจะทะลุแนวต้าน Downtrend Line ขึ้นมา และ MACDเพิ่งปรับสูงขึ้นเหนือ 0 เป้าหมายระยะสั้นที่ 490 และถัดไปที่ 506 บาท ตามลำดับ
สรุป 5 หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดภาคเช้า
TRUE มูลค่าการซื้อขาย 2,697.93 ล้านบาท ปิดที่ 8.60 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง
BDMS มูลค่าการซื้อขาย 2,076.00 ล้านบาท ปิดที่ 22.80 บาท ลดลง 0.70 บาท
ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 1,765.11 ล้านบาท ปิดที่ 169.00 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง
BANPU มูลค่าการซื้อขาย 1,685.06 ล้านบาท ปิดที่ 16.70 บาท เพิ่มขึ้น 0.30 บาท
BEM มูลค่าการซื้อขาย 1,531.85 ล้านบาท ปิดที่ 7.10 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท