จัดทัพ 18 บจ.เทรนด์ดี SET ยังมีแรงหนุน Fund Flow

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทย ยังมีแรงหนุนจาก Fund Flow ต่อเนื่อง ขณะที่กลุ่มนำตลาดจะยังเป็นกลุ่มธนาคาร, รับเหมาและอสังหาริมทรัพย์ การลงทุนเน้นหุ้นที่เป็นเป้าหมาย Fund Flow หลังการทำประชามติรับร่างรัฐธรรมนูญ, ได้ประโยชน์ลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน และพลังงานทางเลือก


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงาน เช้านี้ ณ เวลา 9.15 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 34.76 บาทต่อเหรียญ ด้านตลาดหุ้นเอเชียทรงตัว หลังเงินเยนแข็งค่าฉุดตลาดหุ้นญี่ปุ่นร่วงลง แต่ขณะเดียวกันตลาดก็ได้รับปัจจัยบวกจากการฟื้นตัวของราคาน้ำมัน

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทย ยังมีแรงหนุนจาก Fund Flow ต่อเนื่อง ขณะที่กลุ่มนำตลาดจะยังเป็นกลุ่มธนาคาร, รับเหมาและอสังหาริมทรัพย์ การลงทุนเน้นหุ้นที่เป็นเป้าหมาย Fund Flow หลังการทำประชามติรับร่างรัฐธรรมนูญ, ได้ประโยชน์ลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน และพลังงานทางเลือก

หุ้นเด่นเลือก AOT-ADVANC-SCC-CPALL-BJC-CK-STEC-SEAFCO-EA-TPCH-BWG-TPIPL-SAMART-SENA-KBANK-SCB-BBL และ KTB

 

บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (27 ก.ค.)ว่า แม้การประชุม BOJ น่าผิดหวังโดยไม่มีการเพิ่มวงเงิน QE หรือลดดอกเบี้ยอย่างที่คาดการณ์ไว้ แต่ไม่ได้ทำให้ภาพรวมของสภาพคล่องในตลาดเงิน-ทุน (Liquidity Driven) ลดลง ขณะที่การทำประชามติรับร่างรัฐธรรมนูญวันที่ 7 ส.ค.นี้ คาดว่าจะผ่านไปได้ เปิดทางเลือกตั้งปลายปี 2561 (Political Driven) จะเป็นปัจจัยหนุนกระแสเงินทุนไหลเข้าต่อเนื่อง ประเมินเป้าหมายการปรับสูงขึ้นระยะสัปดาห์ 1,550 และถัดไปที่ 1,620 จุด

แนะนำ“ซื้อ” หุ้นที่เป้าหมาย Fund Flow หลังการทำประชามติรับร่างรัฐธรรมนูญ, ได้ประโยชน์ลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน และพลังงานทางเลือก

1) เป้าหมาย Fund Flow: AOT ADVANC KTB SCC CPALL BJC

2) ลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเร่งตัว : CK STEC SEAFCO

3) พลังงานทางเลือก : กกพ.เตรียมเปิดรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนกว่า 1000MW ในช่วง ส.ค.-ก.ย.นี้ 1) ชีวมวลภาคใต้ 36MW 2) โรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรม 50MW 3) โรงไฟฟ้าขยะชุมชน 130MW 4) โซล่าร์ราชการ 519MW และ 5) โซล่าร์รูฟท็อปเสรี 100MW เป็นปัจจัยบวกต่อ EA TPCH BWG TPIPL SAMART SENA

 

บล.แอพเพิล เวลธ์ ระบุในบทวิเคราะห์ (27 ก.ค.) ว่า ปัจจัยที่ยังหนุนตลาดหุ้นไทยคือ Fund Flow โดยสัปดาห์ที่ผ่านมาต่างชาติซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทย 363 M.USD. และซื้อสุทธิตลาดหุ้นอินโดฯ 246 M.USD. ส่วนทิศทางค่าเงินบาทเข้านี้ยังคงแข็งค่าอยู่ที่ระดับ 34.77 บาท/ดอลลาร์ สัปดาห์นี้ติดตามการประชุม กนง. ในวันพุธคาดยังอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 1.5 % ปัจจัยต่างประเทศติดตามการแถลงนายอาเบะในวันอังคารและการประชุม BOE ในวันพฤหัสว่าอังกฤษจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มหรือไม่

กลยุทธ์ วางจุด Trailing Stop Loss ไว้ที่ 1,510 จุด และแนวต้านที่ 1,535 จุด โดยให้ระวังแรงขายปรับพอร์ตช่วงปลายสัปดาห์ก่อนวันลงประชามติ 7 ส.ค. นี้

 

บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ (27 ก.ค.) คาดว่า SET น่าจะผันผวนในกรอบแคบลง แม้ Fund Flow ต่างชาติยังเป็นแรงหนุนนำตลาดต่อเนื่อง แต่อาจเบาบางลงหลังจากที่ไหลเข้าซื้อหุ้นไทยต่อเนื่องกว่า 15 วันติดต่อกัน และไหลเข้าตลาดหุ้นภูมิภาคกว่า 17 วันติดต่อกัน และเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา Fund Flow ต่างชาติเข้าซื้อสุทธิในตลาดหุ้นภูมิภาคลดลงและมีขายสุทธิออกมาในบางประเทศ

อย่างไรก็ตาม ปัจจัยบวกทั้งในและต่างประเทศ อาทิ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่า ธนาคารยุโรปผ่านการทดสอบความแข็งแกร่งหากเกิดวิกฤต (Stress test) ราคาน้ำมันดิบปรับขึ้นเล็กน้อย คาดเศรษฐกิจไทยไตรมาส 2 เติบโตต่อเนื่องกว่า 3.3% รัฐเร่งประมูลโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งจะหนุนนำตลาดวันนี้ด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตาม 7 ส.ค. จะมีการทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญอาจทำให้นักลงทุนชะลอการลงทุนช่วงปลายสัปดาห์ ส่วนปัจจัยที่ต้องติดตามวันนี้คือ ดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหรรม (Caixin PMI) เดือนก.ค. ซึ่งตลาดคาดว่าจะอยู่ที่ 4.87 จาก 48.6 ในเดือนมิ.ย. และอัตราเงินเฟ้อทั่วไปของไทยเดือนก.ค. ซึ่งตลาดคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 0.45 จาก 0.38 ในเดือนมิ.ย. นอกจากนี้หุ้นกลุ่มนำตลาดน่าจะยังเป็นกลุ่มธนาคาร รับเหมาและอสังหาริมทรัพย์

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ : Buy on weakness/ เน้นรอบสั้นในกลุ่มแบงค์ รับเหมาและอสังหาริมทรัพย์

หุ้นเก็งกำไรระยะสั้น : Big Bank (KBANK, SCB, BBL และ KTB) – ราคาหุ้นยังไม่แพงเมื่อเทียบกับอดีตและกลุ่มอื่นๆ

Back to top button