เก็ง 10 หุ้นเด็ด มีปัจจัยหนุน SET ยังไม่พ้นช่วงปรับฐาน

นักวิเคราะห์มองราคาน้ำมันที่อ่อนตัวลงต่อเนื่องยังเป็นปัจจัยหลักที่กดดันหุ้นขนาดใหญ่ในกลุ่มพลังงานและตลาดหุ้นไทย นักลงทุนที่รอซื้ออาจรอให้ตลาดมีความนิ่งมากกว่านี้ หรือแรงขายลดลง การลงทุนเน้นหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว หรือไม่อิงกับภาวะตลาดมาก และปันผลดี


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงาน เช้านี้ ณ เวลา 9.14 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 34.77 บาทต่อเหรียญ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลง โดยการนำของตลาดหุ้นญี่ปุ่นที่ร่วงลงหลังเงินเยนแข็งค่า เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลญี่ปุ่น

นักวิเคราะห์มองราคาน้ำมันที่อ่อนตัวลงต่อเนื่องยังเป็นปัจจัยหลักที่กดดันหุ้นขนาดใหญ่ในกลุ่มพลังงานและตลาดหุ้นไทย นักลงทุนที่รอซื้ออาจรอให้ตลาดมีความนิ่งมากกว่านี้ หรือแรงขายลดลง การลงทุนเน้นหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว หรือไม่อิงกับภาวะตลาดมาก และปันผลดี หุ้นเด่นเลือก HMPRO-AOT-ADVANC-KTB-SCC-CPALL-BJC-BLA-LPN และ ERW

 

 

บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (3 ส.ค.)ว่า แม้การปรับลดลงของราคาน้ำมันดิบ Brent อย่างต่อเนื่องอีก -0.8% เมื่อคืนที่ผ่านมา จะยังเป็นปัจจัยกดดันหุ้นใหญ่อย่าง PTT PTTEP อย่างไรก็ตามSET เข้าใกล้แนวรับระยะสั้นอิงเส้นค่าเฉลี่ย 1 เดือนที่ 1,490 จุด ประกอบกับความคาดหวังต่อการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) ในวันที่ 4 ก.ค.นี้ มีโอกาสเกิด Technical Rebound โดยเน้นกลุ่มหุ้นที่เป็นเป้าหมายของการไหลเข้าของกระแสเงินทุนหลังการทำประชามติรับร่างรัฐธรรมนูญสุดสัปดาห์นี้ ขณะที่การประชุม กนง.วันนี้ คาดคงดอกเบี้ยที่ 1.5% ไม่มีผลต่อ SET

แนะนำ “ซื้อ” หุ้นที่เป้าหมาย Fund Flow หลังการทำประชามติรับร่างรัฐธรรมนูญ และ “ซื้อ” HMPRO เป้าหมายใหม่ 13.00 บาท

1) เป้าหมาย Fund Flow: AOT ADVANC (ผลตอบแทนจากเงินปันผล 6.7% แนวรับ 171 บาท) KTB SCC CPALL BJC (กำไรโตเด่นตั้งแต่ ไตรมาส 3/59 หลังรวมกำไร BIGC เต็มไตรมาส ลุ้นถูกเพิ่มใน MSCI Thailand)

2) HMPRO: Business Model ใหม่อย่าง Home Service หนุนฐานลูกค้ากว้างขึ้น คาดกำไรโต 20% ต่อปี ช่วง 2559-2561 เป้าหมาย 13.00 บาท

 

บล.เคทีบี (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (3 ส.ค.) ว่า ตลาดยังเข้าสู่โหมดของการปรับฐาน ซึ่งยังไม่มีสัญญาณว่าจะจบลงที่ระดับใด (1,476-1,490 จุด) กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ จึงควรลดการถือหุ้นลง โดยเฉพาะหุ้นที่ราคาปรับตัวขึ้นมามาก (ราคาขึ้นมาก หรือ P/E สูงมาก) หรือปัจจัยพื้นฐานไม่รองรับราคาหุ้นในปัจจุบัน สำหรับนักลงทุนที่รอซื้อหุ้น ควรรอให้ตลาดมีความนิ่ง หรือแรงขายลดลง โดยเลือกหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว หรือไม่อิงกับภาวะตลาดมากนักไว้ก่อน หรือแม้กระทั่งหุ้นที่มีการจ่ายเงินปันผลที่ดี (dividend yield สูง) เพราะหุ้นเหล่านี้จะมีเงินปันผลรองรับราคาไม่ให้ปรับตัวลงไปมาก

สำหรับการเก็งกำไรช่วงสั้นๆ หุ้นที่คาดว่าจะได้รับความสนใจจากนักลงทุน ประกอบด้วย BLA, HMPRO และ LPN

 

บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ (3 ส.ค.) ว่า SET น่าจะมีโอกาสพักฐานต่อตามทิศทางตลาดหุ้นต่างประเทศ โดยมี 3 ปัจจัยลบหลักที่จะยังกดดัน คือ 1) ราคาน้ำมันดิบที่ยังปรับลงต่อเนื่องซึ่งจะกดดันราคาหุ้นกลุ่มน้ำมันอย่าง PTT และ PTTEP ต่อเนื่องแต่เชื่อว่าไม่มากเหมือนวานนี้  2) ความกังวลต่อเสถียรภาพของธนาคารขนาดใหญ่ในยุโรป และ 3) Fund flow ต่างชาติชะลอไหลเข้ารอผลประชามติ

อย่างไรก็ตามจุดดีของการพักฐานรอบนี้ คือ ผู้ซื้อหลักในช่วงที่ผ่านมาคือ นักลงทุนต่างชาติซึ่งยังไม่ได้ขายออกมา ขณะที่ผู้ขายหลักเป็นกองทุนในประเทศซึ่งเป็นผู้ขายมากสุดในตลาด ดังนั้นตราบใดที่นักลงทุนต่างชาติยังไม่ได้ขาย เราเชื่อว่าตลาดจะปรับลงชั่วคราว และจะเป็นโอกาสเข้าซื้อสะสมรอบใหม่

หุ้นที่จะเป็นเป้าหมายการขายคือ หุ้นที่ปรับขึ้นแรงมาก่อนหน้านี้ หุ้นกลุ่มน้ำมันที่ได้รับแรงกดจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับลง รวมถึงกลุ่มธนาคารที่ได้รับผลกระทบจากความกังวลต่อธนาคารในยุโรปที่มีความเสี่ยงต้องเพิ่มทุน ส่วนผลการประชุมกนง. วันนี้ ตลาดคาดว่าน่าจะคงดอกเบี้ยเท่าเดิมและน่าจะมีมุมมองในเชิงบวกต่อแนวโน้มเศรษฐกิจไทยมากขึ้น

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้: Buy on weakness/แนวรับ 1,480

หุ้นเก็งกำไรระยะสั้น: ERW (คาดงบไตรมาส 2/59 กลับเป็นบวกครั้งแรกในรอบ 3 ปี และมีแนวโน้มดีต่อเนื่อง)

Back to top button