ช้อน 16 หุ้นเด็ดก่อนรู้ผลลงประชามติฯSET ทรงตัว กูรูมองบวกการเมืองไทย

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยทรงตัวระหว่างรอผลการลงประชามติในวันอาทิตย์นี้ ขณะที่คาดว่ามูลค่าการซื้อขายจะเบาบาง อย่างไรก็ตาม มองว่าเป็นโอกาส “ซื้อ” ด้วยเป้าหมายสิ้นปี 1,620 จุด เนื่องจากมองว่าร่างรัฐธรรมนูญจะผ่านการทำประชามติและหนุนกระแสเงินทุนไหลเข้าต่อ การลงทุนเน้นกลุ่มที่คาดว่าจะ Outperform หลังประชามติฯเป็นหลัก


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงาน เช้านี้ ณ เวลา 9.15 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 34.94 บาทต่อเหรียญ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียดีดตัวขึ้น หลังร่วงลงอย่างหนักวานนี้ โดยได้รับแรงหนุนจากตลาดหุ้นญี่ปุ่นที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยทรงตัวระหว่างรอผลการลงประชามติในวันอาทิตย์นี้ ขณะที่คาดว่ามูลค่าการซื้อขายจะเบาบาง อย่างไรก็ตาม มองว่าเป็นโอกาส “ซื้อ” ด้วยเป้าหมายสิ้นปี 1,620 จุด เนื่องจากมองว่าร่างรัฐธรรมนูญจะผ่านการทำประชามติและหนุนกระแสเงินทุนไหลเข้าต่อ การลงทุนเน้นกลุ่มที่คาดว่าจะ Outperform หลังประชามติฯเป็นหลัก

หุ้นเด่นเลือก AOT-KTB-KBANK-PTT-EA-IRPC-ADVANC-SCC-CENTEL-ERW-GFPT-BANPU-BLA-TIPCO-AUCT และ PCSGH

 

บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (4 ส.ค.) ว่า แม้มอง Upside จาก Technical Rebound จำกัดที่ 1,510-1,514 จุดช่วงปลายสัปดาห์นี้ก่อนการทำประชามติรับร่างรัฐธรรมนูญ แต่มองเป็นโอกาส “ซื้อ” ด้วยเป้าหมายระยะสัปดาห์ 1,550 และสิ้นปี 1,620 จุด เนื่องจากมองว่าร่างรัฐธรรมนูญจะผ่านการทำประชามติวันที่ 7 ส.ค.นี้ หนุนกระแสเงินทุนไหลเข้าต่อ นักลงทุนต่างชาติยังถือหุ้นไทยต่ำเพียง 30%, รัฐบาลเร่งลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน, และความเชื่อมั่นผู้บริโภค-นักลงทุนฟื้นตัวต่อขณะที่คาดการณ์ GDP ไตรมาส 2/59 จะขยายตัว 3.5% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน และมีโอกาสที่เศรษฐกิจทั้งปี 2559 จะขยายตัวสูงกว่า 3.3% จากปีก่อน

แนะนำ “ซื้อ” กลุ่มหุ้นที่คาดว่าจะ Outperform หลังประชามติฯ

1) เป้าหมาย Fund Flow: AOT KTB KBANK PTT IRPC

2) การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเร่งตัว : SCC CK STEC

3) ความเชื่อมั่นผู้บริโภคฟื้น : CPALL BJC HMPRO GLOBAL QH และ MINT (เป็นกลุ่มหุ้นที่นักลงทุนต่างชาติเพิ่มสัดส่วนการลงทุนต่อเนื่องในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา)

 

บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (4 ส.ค.) ว่า SET วันนี้ฟื้นตัวต่อแต่ไม่แรงและน่าจะผันผวน หลังราคาน้ำมันเด้ง 3.6% และตลาดการเงินโลกคาดหวังว่าการประชุมธ.กลางอังกฤษวันนี้อาจลดดอกเบี้ยสู่ 0.25% และอาจเพิ่มวงเงิน QE ส่วนการฟื้นตัวของ SET น่าจะจำกัด หลังนักลงทุนรอผลประชามติของไทย และสัญญาณฟันด์โฟลว์ชะลอลงในช่วงสั้น แนะเก็งกำไรในกรอบแคบๆ ไปก่อน รอผลประชามติในวันอาทิตย์

 

บล.แอพเพิล เวลธ์ ระบุในบทวิเคราะห์ (4 ส.ค.) ว่า ทิศทางการลงทุนช่วงที่เหลือของสัปดาห์นี้คาดตลาดน่าจะทรงตัวรอผลการลงประชามติในวันอาทิตย์นี้ โดยเย็นวันนี้ต้องติดตามผลการประชุม ธ.กลางอังกฤษว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงหรือไม่

กลยุทธ์การลงทุน คาดดัชนีจะทรงตัวในกรอบ 1,490-1,520 จุด แนะนำเทรดดิ้งระยะสั้นตามกรอบเพื่อรอความชัดเจนผลประชามติ ระยะสั้นแนะนำเก็งกำไรในหุ้นที่มีสัญญาณบวกทางเทคนิค เช่น BANPU, BLA และ TIPCO

 

บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ (4 ส.ค.) ว่ าแนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้คาดว่าจะผันผวนในกรอบแคบบนฐานใหม่ที่ระดับ 1,500 จุด ในช่วงนี้จนกว่าจะทราบผลประชามติ ขณะที่ปริมาณการซื้อขายจะเบาบางลง เนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่น่าจะชะลอการลงทุนเพื่อลงผลประชามติในวันอาทิตย์นี้ ซึ่งสามารถสังเกตได้จาก Fund Flow ของต่างชาติเริ่มแผ่วหลังซื้อสุทธิต่อเนื่องกว่า 4.5 หมื่นล้านบาทในช่วงเดือนที่ผ่านมา รวมถึงกองทุนในประเทศก็ขายหุ้นออกมากว่า 1.7 หมื่นล้านบาทในช่วงเดือนที่ผ่านมา ส่วนนักลงทุนรายย่อยกลับมาซื้อสุทธิเป็นวันที่ 4 ติดต่อกันหลังขายสุทธิมาตลอด 2 เดือนที่ผ่านมากว่า 4.8 หมื่นล้านบาท

อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าผลประชามติน่าจะออกมาเป็นบวกต่อตลาด ซึ่งนั่นหมายถึง Fund Flow จากทั้งในและต่างประเทศจะไหลเข้าตลาดหุ้นมากขึ้นจากความเชื่อมั่นการลงทุนที่เพิ่มขึ้น สำหรับหุ้นกลุ่มนำตลาดจะยังเป็นกลุ่มธนาคาร รับเหมาและอสังหาริมทรัพย์ หรือ Domestics Play

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ : ลงมาซื้อ ขึ้นขายทำกำไรบางส่วน

หุ้นเก็งกำไรระยะสั้น : IRPC (ไตรมาส 2/59 กำไรตามคาด แนวโน้มครึ่งปีหลัง 2559 ทำ High จากโครงการ HUV เปิดดำเนินงาน)

 

บล.เออีซี ระบุในบทวิเคราะห์ (4 ส.ค.) คาด SET แกว่งตัวระหว่าง 1,495-1,520 จุด โดยมองดัชนีไซด์เวย์กรอบแคบ หลังไร้ปัจจัยใหม่ อีกทั้งนักลงทุนอยู่ระหว่างรอผลประชุมของ BoE ในวันที่ 4 ส.ค.นี้ และรอผลลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญในวันที่ 7 ส.ค. นี้

การลงทุนเลือกบริษัทที่มี Business Model แข็งแรง, มีแนวโน้มปรับเพิ่มผลดำเนินงาน และ Upside สูง

1) หุ้นทีมีเริ่มมีการรับรู้รายได้จากธุรกิจใหม่ ได้แก่ EA และ IRPC

2) หุ้นที่มีการปรับเพิ่มผลดำเนินงานหลังงบไตรมาส 2/59 ได้แก่ ADVANC, SCC, CENTEL, ERW และ GFPT

3) หุ้นที่ได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์ ได้แก่ AUCT และ PCSGH

Back to top button