จัดทัพ 24 หุ้นเด่นหลังการเมืองชัดเจนSET ผันผวนขาขึ้น ลุ้นวัด 1,550 จุด

ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงาน เช้านี้ ณ เวลา 9.19 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 34.94 บาทต่อเหรียญ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยการนำของตลาดหุ้นญี่ปุ่นที่ทะยานขึ้นเนื่องจากเงินเยนอ่อนค่า หลังสหรัฐเปิดเผยข้อมูลจ้างงานที่แข็งแกร่ง 

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยผันผวนฝนทิศทางขาขึ้นหลังรู้ผลลงประชามติ รายสัปดาห์มีโอกาสขึ้นแตะ 1,550 จุด อย่างไรก็ตามให้ระวังแรงเทขายทำกำไรในระยะสั้น ขณะที่ให้น้ำหนักการลงทุนไปยังกลุ่มที่จะประกาศงบไตรมาส 2/59 และหุ้นที่มีปัจจัยหนุนเฉพาะตัว

หุ้นเด่นเลือก ADVANC-PTT-KBANK-AOT-KTB-SCC-BJC-CPALL-ROBINS-GLOBAL-QH-MINT-CK-STEC-SEAFCO-ILINK-EA-TPCH-BWG-SCB-IVL-THAI-BBL และ HMPRO

 

บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (8 ส.ค.) ว่า การทำประชามติ “ผ่าน” ร่างรัฐธรรมนูญเมื่อวานนี้ 61.4% ทำให้ความชัดเจนทางการเมืองเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ 1) สภาพคล่องในตลาดเงิน-ทุน โลกที่สูงหลัง BOE กลับมาใช้มาตรการ QE อีกครั้ง 2) แม้ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 255,000 ตำแหน่งในเดือน ก.ค.ดีกว่าคาด แต่คาดว่าดอกเบี้ยสหรัฐฯ จะไม่ขึ้นเร็ว และ 3) Earnings Driven หลังนักวิเคราะห์มีมุมมอง “บวก” ต่อแนวโน้มกำไรบริษัทจดทะเบียนดีขึ้น และมีการปรับเป้าหมายพื้นฐานอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ประเมินเป้าหมายระยะสัปดาห์ 1,550 และสิ้นปี 1,620 จุด

ทั้งนี้แนะนำ “ซื้อ” กลุ่มหุ้นที่คาดว่าจะ Outperform หลังประชามติชัดเจน

1) เป้าหมาย Fund Flow : ADVANC, PTT, KBANK, AOT, KTB และ SCC

2) Sentiment การบริโภคดีขึ้น : BJC (ลุ้นเข้า MSCI), CPALL, HMPRO, GLOBAL, QH (ราคาต่ำกว่า NAV ที่ 3.60 บาท มากไป) และ MINT

3) เร่งลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน และรับซื้อไฟฟ้าพลังงานทางเลือก : CK, STEC, SEAFCO, ILINK (งานวางเคเบิ้ลใต้น้ำ และงานสุวรรณภูมิ), EA, TPCH (Upside จากการเปิดประมูลรับซื้อไฟฟ้า) และ BWG

 

บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ (8 ส.ค.) ว่าแนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้ คาด SET index จะยังผันผวนในทิศทางขึ้นรับผลประชามติประชาชนเห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญและคำถามพ่วงที่จะนำไปสู่การเลือกตั้งทั่วไปประมาณเดือน ก.ย-ต.ค. ปี 2559 และความมีเสถียรภาพทางการเมือง แม้ SET จะปรับขึ้นรับข่าวก่อนหน้านี้บ้างแต่ไม่มากนัก อย่างไรก็ตามนักลงทุนรายย่อยและกองทุนในประเทศน่าจะยังเป็นผู้ซื้อหลัก หุ้นเกือบทุกกลุ่มจะปรับขึ้นทั่วหน้า ซึ่งอาจทำให้ SET ปรับขึ้นสู่ระดับ High เดิม 1,533 และทะลุไปถึง 1,550 จุด นำโดยหุ้นกลุ่มธนาคาร รับเหมาและอสังหาริมทรัพย์

อย่างไรก็ตาม การปรับขึ้นแรง ขณะที่ปัจจัยพื้นฐานด้านเศรษฐกิจและกำไรของบริษัทจดทะเบียนเพิ่มขึ้นไม่ทันจะทำให้เกิดแรงขายทำกำไรเป็นระยะๆ สำหรับวันนี้ต้องติดตามตัวเลขส่งออกจีนเดือนก.ค. ที่ตลาดคาดว่าจะหดตัว -3% จาก -4.8% ในเดือนมิ.ย. นอกจากนี้ต้องจับตารายงานผลประกอบการไตรมาส 2/59 วันนี้จะมี MTLS BIG TOP THCOM CPN TU พรุ่งนี้จะมี TKN KCE SAT ฝ่ายวิจัยกรุงศรียังคงคาดเป้า SET สิ้นปีหน้าอยู่ที่ 1,700 จากผลการลงประชามติประชาชนรับร่างรัฐธรรมนูญจะนำไปสู่การเลือกตั้งและจะทำให้เกิดเสถียรภาพทางการเมืองไปอีก 4 ปี รายได้ภาคเกษตรฟื้นตัวขึ้น โครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานคืนหน้าเร็วขึ้น และเงินทุนไหลเข้าก็ช่วยหนุนให้ SET ปรับตัวสูงขึ้นก่อนการเลือกตั้งในปลายหน้าและแนะนำให้เปลี่ยนเป็นการลงทุนในหุ้น high-beta หรือมีปัจจัยเฉพาะตัว โดยหุ้นเด่น 10 ตัวที่เราเลือกได้แก่ AP, AOT, IVL, IRPC, KKP, SCB, SPALI, STEC, THAI และ TKN

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้: Selective BUY/ปรับขึ้นแรงขายทำกำไรเล่นรอบ

หุ้นเก็งกำไรระยะสั้น : THAI (รัฐวิสาหกิจที่จะได้ผลบวกจากการเมืองที่มีเสถียรภาพ) 

 

บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (8 ส.ค.) คาดว่า SET วันนี้ขึ้นต่อ รับข่าวรัฐธรรมนูญผ่านประชามติ มองว่าความคาดหวังต่อการเลือกตั้งปลายปี 60-ต้นปี 61 จะหนุนความเชื่อมั่นของภาคเอกชนและแนวโน้มเศรษฐกิจในระยะถัดไปหนุนฟันด์โฟลว์เข้า SET ต่อ ปัจจัยภายนอกยังเป็นบวก สหรัฐฯ รายงานตัวเลขจ้างงาน ก.ค. เพิ่ม 2.55 แสนคน และอัตราว่างงานทรงตัว ทั้งนี้ปัจจัยภายในระยะสั้นยังเป็นบวก แนะติดตามงบ บจ. ไตรมาส 2 ในโค้งสุดท้าย ผนวกกับตัวเลข GDP ไตรมาส 2/59 ของไทยในวันที่ 15 ส.ค.

 

บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (8 ส.ค.) คาดว่า SET วันนี้เปิดลอยขึ้นสูงและเทรดคึกคัก จากแรงหนุนของผลการลงประชามติและดัชนีหุ้นในภูมิภาคที่ตอบรับตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐโดยเฉพาะหุ้นใหญ่ในกลุ่มหลัก แต่อาจเผชิญกับแรงขายทำกำไรในช่วงสั้น แนะนำทยอยซื้อหุ้น SCB, AOT, ADVANC, SCC, CK, IVL และ STEC มองแนวต้านที่ 1,532-1,537 จุด และแนวรับที่ 1,515-1,510 จุด แนะซื้อเก็งกำไร คือ MINT, BJC และ HMPRO

 

บล.แอพเพิล เวลธ์ ระบุในบทวิเคราะห์ (8 ส.ค.) ว่า SET วันนี้มีโอกาสเดินหน้าขึ้นทดสอบแนวต้านถัดไปที่ระดับ 1,550-1,575 จุด แนะนำซื้อกลุ่มธนาคาร BBL, KBANK, SCB, KTB และกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง CK และ STEC และกลุ่มอุปโภคบริโภค BJC, CPALL และ ROBINS