SET บ่าย Sideway จับตาเม็ดเงินไหลเข้ามาเพิ่มอีกโบรกฯแนะซื้อ 13 หุ้น Outperform หลังลงประชามติ

SET บ่าย Sideway จับตาจะมีเม็ดเงินไหลเข้ามาเพิ่มอีก หรือไม่หลังตลาดยุโรปเปิดเทรดบ่ายนี้ พร้อมให้แนวรับ 1,525 แนวต้าน 1,535-1,545 จุด  โบรกฯแนะ “ซื้อ” 13 หุ้นที่คาดว่าจะ Outperform ตลาดหลังประชามติ นำโดย ADVANC, SCC, PTT, KBANK, SCB, AOT, IRPC, BJC, CPALL, HMPRO, CK, STEC, QH


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงานตลาดหุ้นไทยดัชนี SET ภาคเช้า (8 ส.ค.) รับแรง Panic Buy เล็กๆ หลังการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญผ่านทั้งสองหัวข้อ ภาพรวมมีความมั่นใจการเมืองมากขึ้น เดินหน้าเข้าสู้การเลือกตั้งต่อไป นักลงทุนต่างชาติอาจเริ่มมองการลงทุนในลักษณะ Long Term มากขึ้น จากปัจจุบันที่เม็ดเงินส่วนใหญ่ที่เข้ามาจะเป็นแบบ Short Term

อย่างไรก็ดี ตลาดฯจะปรับตัวได้ดีกว่านี้ ต้องได้แรงผลักดันจากงบฯ ด้านตลาดภูมิภาคเช้านี้บวกทุกตลาดหลังตัวเลขจ้างงานของสหรัฐฯออกมาดี พร้อมเชื่อว่าเม็ดเงินยังคงไหลเข้ามาในเอเชียหลังจากที่ทางยุโรปใช้นโยบายผ่อนคลายการเงิน บ่ายนี้ตลาดฯอาจนิ่ง/แกว่งไซต์เวย์ จับตาจะมีเม็ดเงินไหลเข้ามาเพิ่มอีกหรือไม่หลังตลาดยุโรปเปิดเทรดบ่ายนี้ พร้อมให้แนวรับ 1,525 แนวต้าน 1,535-1,545 จุด

นายธีรวุฒิ กานต์นิภากุล ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์ บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้รับแรง Panic Buy เล็ก ๆ หลังจากที่การลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญได้ผ่านทั้งสองหัวข้อ ทำให้ก่อนหน้านี้ทาง Local Fund ได้ขายลดความเสี่ยงไปบางส่วนได้กลับมาซื้อคืน จากภาพรวมที่มีความมั่นใจการเมืองมากขึ้น จากนี้ไปก็เดินหน้าเข้าสู่การเลือกตั้งต่อไป

ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติอาจเริ่มมองการลงทุนในลักษณะ Long Term มากขึ้น จากปัจจุบันที่เม็ดเงินส่วนใหญ่ที่เข้ามาจะเป็นแบบ Short Term ซึ่งทำให้ตลาดมีความผันผวนมาก อย่างไรก็ดี ตลาดฯจะปรับขึ้นไปได้ดีกว่านี้ จะต้องได้แรงผลักดันจากผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งในช่วงครึ่งปีหลัง จะต้องมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่ผลประกอบการงวดไตรมาส 2/59 ส่วนใหญ่จะออกมาดี แต่ไตรมาส 3/59 ถือว่าเป็นช่วง Low Season ดังนั้นจึงต้องรอดูว่าจะเป็นอย่างไร ถ้าออกมานิ่ง ๆ ก็อาจทำให้มีแรง take profit บ้าง

ด้านตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ต่างก็อยู่ในแดนบวกกันทุกตลาด หลังตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐฯออกมาดี ส่วนเรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) คนส่วนใหญ่ยังมองว่าน่าจะไปปรับขึ้นในเดือนธันวาคมมากกว่า ทั้งนี้เชื่อว่าเม็ดเงินยังคงไหลเข้ามาในเอเชียหลังจากที่ทางยุโรปใช้นโยบายผ่อนคลายการเงิน

แนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่ายนี้ ตลาดฯอาจจะนิ่งๆ หรือแกว่งไซต์เวย์ โดยให้จับตาจะมีเม็ดเงินไหลเข้ามาเพิ่มอีกหรือไม่หลังตลาดยุโรปเปิดเทรดบ่ายนี้ พร้อมให้แนวรับ 1,525 จุด ส่วนแนวต้าน 1,535-1,545 จุด

 

บล.ธนชาตระบุในบทวิเคราะห์ (8 ส.ค.) ว่า  SET กลุ่มพลังงานหนุนการปรับสูงขึ้นของ SET เป็นหลักตั้งแต่เปิดตลาด ขณะที่หุ้นขนาดกลางเน้นไปที่กลุ่มรับเหมาฯ อย่าง CK STEC UNIQ ทั้งนี้เราแนะนำ “ซื้อ” กลุ่มหุ้นที่คาดว่าจะ Outperform ตลาดหลังประชามติ อย่าง ADVANC, SCC, PTT KBANK, SCB, AOT (ยัง Laggard ตลาดมาก) IRPC (ยัง Laggard ตลาดมาก) BJC, CPALL (PE ต่ำเป็นอันดับ 2 ในกลุ่มค้าปลีกขนาดใหญ่) HMPRO, CK, STEC ต่อเนื่อง รวมไปถึง QH ที่ราคาหุ้นต่ำกว่า NAV มากเกินไปและให้ผลตอบแทนจากเงินปันผล 5% ต่อปี

ในขณะเดียวกันแนะนำ “ซื้อ” QH ด้วยเป้าหมายพื้นฐาน 3.0 บาท ด้วยปัจจัยสนับสนุนจาก 1) ราคาหุ้นต่ำกว่า NAV ที่ ถือหุ้นใน HMPRO, LHBANK, QHPF และ QHHR รวม 3.53 บาท/หุ้น ถึง 26% สูงสุดตั้งแต่ปีกลางปี 55 เป็นต้นมา 2) แม้ผลการดำเนินงานคาดว่าจะทรงตัวที่ 3.3 พันล้านบาทในช่วงปี 59-60 เนื่องจากการถือหุ้น LHBANK ลดลงทำให้ต้องบันทึกกำไรจากเงินปันผลแทนการบันทึกกำไรแบบ Equity Method แต่มองว่าราคาหุ้นปัจจุบันที่ต่ำกว่า NAV มากสะท้อนปัจจัยลบไปแล้ว และ 3) Downside Risk ต่ำ เนื่องจากราคาหุ้นต่ำกว่า NAV มาก และล่าสุดปรับเป้าหมาย HMPRO ขึ้นเป็น 13 บาท ขณะที่ให้ผลตอบแทนจากเงินปันผล 5.2% ต่อปี

 

สรุป 5 หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดภาคเช้า  

KBANK    มูลค่าการซื้อขาย 3,667.66 ล้านบาท ปิดที่ 199.50 บาท เพิ่มขึ้น  9.00 บาท

SCB      มูลค่าการซื้อขาย 1,966.79 ล้านบาท ปิดที่ 161.50 บาท เพิ่มขึ้น  5.00 บาท

AOT      มูลค่าการซื้อขาย 1,397.55 ล้านบาท ปิดที่ 402.00 บาท เพิ่มขึ้น  7.00 บาท

BEM      มูลค่าการซื้อขาย 1,354.53 ล้านบาท ปิดที่   8.30 บาท เพิ่มขึ้น  0.15 บาท

ADVANC   มูลค่าการซื้อขาย 1,341.44 ล้านบาท ปิดที่ 182.50 บาท เพิ่มขึ้น  4.50 บาท

Back to top button