SET บ่ายแกว่งตัวในกรอบ 1,535-1,555 จุดโบรกฯชู 13 หุ้นเด็ด ที่มีแนวโน้ม Outperform

SET บ่ายแกว่งตัวในกรอบ 1,535-1,555 จุด โบรกฯชู 13 หุ้นเด็ด ที่มีแนวโน้ม Outperform นำโดย AOT, SCC, ADVANC, KTB, BJC, CPALL, HMPRO, GLOBAL, QH, MINT, CK, STEC และ SEAFCO


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงานตลาดหุ้นไทยดัชนี SET ภาคเช้า (9 ส.ค.) แกว่งแคบหลังวานนี้ตอบรับร่างรัฐธรรมนูญผ่านประชามติไปแล้ว มองสภาพคล่องคงลดลงในช่วงนี้ก่อนประชุม BOJ ไปจนถึงปลายเดือนก.ย.และ Bond yield สหรัฐฯเริ่มไต่ขึ้น ด้านตลาดภูมิภาคแกว่งทั้งบวก-ลบไร้ทิศทาง บ่ายนี้ดัชนีคงแกว่งในกรอบ 1,535-1,555 จุด

 

นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทรีนีตี้ เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้แกว่งแคบหลังจากวานนี้ตลาดฯ ได้ตอบรับเรื่องการรับร่างรัฐธรรมนูญไปแล้ว ทั้งนี้ หากดัชนีฯ ปรับขึ้นมาในกรอบบน 1,550 จุด เป็นโซนที่แนะให้ take profit ลดพอร์ตการลงทุนก่อน เพราะ valuation ร้อนแรงเกินไป เนื่องจากมองว่าจากนี้ไปสภาพคล่องในตลาดจะลดลง เพราะไม่มีการประชุมธนาคารกลางในเรื่องการนโยบายผ่อนคลายในช่วงนี้ไปจนถึงปลายเดือน ก.ย.ที่จะมีประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) อีกทั้ง Bond yield ของสหรัฐฯก็เริ่มไต่ขึ้นไป หลังจากที่ตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐฯออกมาแข็งแกร่ง ส่งผลให้ความน่าสนใจใน SET ก็จะลดน้อยลง

ด้านตลาดหุ้นอื่นในภูมภาคเอเชียเช้านี้แกว่งทั้งในแดนบวก-ลบ อย่างไรทิศทาง เนื่องจากยังไม่มีปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามในระยะนี้แนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่ายนี้ ดัชนีคงแกว่งตัวในกรอบ 1,535-1,555 จุด

 

บล.ธนชาตระบุในบทวิเคราะห์ (9 ส.ค.) ว่า  SET ภาคเช้า กระแสเงินทุนไหลเข้า (Fund Flow) หนุน SET ปรับสูงขึ้นต่อเนื่อง และคาดว่าจะทดสอบ 1,550 จุดระยะสั้น ขณะที่ยังมองเป้าหมายสิ้นปีที่ 1,620 จุดต่อไป โดยมีแนวต้านย่อยที่ 1,566 หรือ 1,575 จุด ทั้งนี้แนะนำ “ซื้อ” กลุ่มหุ้นที่มีแนวโน้ม Outperform ตลาดดังนี้

1.เป้าหมายกระแสเงินทุนไหลเข้า: AOT, SCC, ADVANC และ KTB

2.การบริโภคเร่งตัว: BJC, CPALL, HMPRO, GLOBAL, QH และ MINT

และ3.ลงทุนโครงสร้างพื้นฐานมีความต่อเนื่อง: CK, STEC, SEAFCO

ในขณะเดียวกันแนะนำ “ซื้อ” ADVANC เป้าหมายพื้นฐาน 190 บาท รับปันผลระหว่างกาล 5.79 บาท XD 15 ส.ค.นี้ ประเมินเป้าหมายระยะสั้นที่ 195-197 บาท อิง Forward Dividend Yield ที่ 6% รวมไปถึง “ซื้อ” TOP เป้าหมายพื้นฐาน 79 บาท จาก 1) แม้ผลการดำเนินงาน Q2/59 mที่ 7.7 พันล้านบาท ใกล้เคียงกับที่เราคาดการณ์ไว้ แต่ดีกว่า Consensus คาด ทำให้คาดว่าจะเป็นหุ้นที่ถูกปรับประมาณการกำไรขึ้น 2) ได้รับผลดีจาก PX-Spread ที่ฟื้นตัว มากที่สุดเนื่องจากมีสัดส่วน Aromatic สูงกว่าโรงกลั่นอื่นๆ และ 3) Valuation ยังไม่สูงที่ PE 7.2x ปีนี้ และคาดการณ์ปันผล 4-4.9% ในปี 2016-17 ขณะที่ทางเทคนิคทะลุเส้นค่าเฉลี่ย 3 เดือนวันนี้ มีจังหวะปรับสูงขึ้นต่อไปที่ 66.50 บาท ระยะสั้น

 

สรุป 5 หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดภาคเช้า  

TRUE     มูลค่าการซื้อขาย 1,961.61 ล้านบาท ปิดที่   9.15 บาท เพิ่มขึ้น  0.20 บาท

KBANK    มูลค่าการซื้อขาย 1,853.90 ล้านบาท ปิดที่ 198.50 บาท ลดลง   1.50 บาท

SCB      มูลค่าการซื้อขาย 1,374.48 ล้านบาท ปิดที่ 164.00 บาท เพิ่มขึ้น  0.50 บาท

KTB      มูลค่าการซื้อขาย 1,367.48 ล้านบาท ปิดที่  18.30 บาท เพิ่มขึ้น  0.30 บาท

ADVANC   มูลค่าการซื้อขาย 1,259.07 ล้านบาท ปิดที่ 187.00 บาท เพิ่มขึ้น  2.00 บาท

Back to top button