เก็ง 24 หุ้นร้อนฟอร์มสวย SET ผันผวน ระวังแรงขายระยะสั้น

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้ผันผวนหลังปรับตัวขึ้นมามากก่อนหน้านี้ และคาดว่าจะมีแรงขายทำกำไรหลังไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามาหนุน การลงทุนเน้นหุ้นที่เป็นเป้าหมายต่างชาติ และแนวโน้มกำไรไตรมาส 2/59 และครึ่งปีหลังออกมาดี


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงาน เช้านี้ ณ เวลา 9.22 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 34.75 บาทต่อเหรียญ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลง โดยได้รับปัจจัยถ่วงจากตลาดหุ้นญี่ปุ่นที่อ่อนตัวลงหลังเงินเยนแข็งค่า ขณะเดียวกัน หุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวลงทั่วภูมิภาค หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) ปรับเพิ่มคาดการณ์ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบในปีหน้า

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้ผันผวนหลังปรับตัวขึ้นมามากก่อนหน้านี้ และคาดว่าจะมีแรงขายทำกำไรหลังไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามาหนุน การลงทุนเน้นหุ้นที่เป็นเป้าหมายต่างชาติ และแนวโน้มกำไรไตรมาส 2/59 และครึ่งปีหลังออกมาดี

หุ้นเด่นเลือก ADVANC-AOT-KTB-SCC-BJC-CPALL-BLA-UNIQ-GFPT-SAWAD-QH-HMPRO-TOP-CK-S11-BBL-IVL-BANPU-KCE-ASEFA-CHG-HANA-GUNKUL และ SEAFCO

 

นายธนเดช รังษีธนานนท์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) เปิดเผยถึงตลาดหุ้นไทยเช้านี้ (10 ส.ค.) แม้ว่าจะยังมีโอกาสปรับขึ้นไปได้แต่คงจะไม่มาก และน่าจะมีแรงขายทำกำไรเข้ามาภายหลังจากที่ไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามา และตลาดฯก็ได้ปรับตัวขึ้นไปมากแล้ว ดังนั้นจากนี้ไปนักลงทุนควรระวังความผันผวน

ทั้งนี้ ปัจจัยบวกจากการับร่างรัฐธรรมนูญ ทางตลาดฯได้ตอบรับไปแล้ว ส่วนการทยอยประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนก็ใกล้ที่จะปิดงวดแล้ว ดังนั้นจึงมีโอกาสที่ดัชนีฯจะแกว่งในกรอบที่แคบลง ด้านตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ ไม่ได้มีอะไรชัดเจน โดยต่างรอดูตัวเลข GDP ของ EU ในวันศุกร์นี้ พร้อมให้แนวรับ 1,540 จุด ส่วนแนวต้าน 1,555 จุด

 

บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (10 ส.ค.) SET ทดสอบเป้าหมาย 1,550 จุดเร็วกว่าคาด ซึ่งอาจทำให้มีความ “ผันผวน” ระยะสั้นตามมา แต่ด้วย 1) สภาพคล่องที่ยังสูงทั่วโลก และต่างชาติยังถือหุ้นไทยต่ำในรอบหลายปี หรือ 30% ของมูลค่าตลาด เทียบกับจุดสูงสุดที่ 35-36% 2) การปรับประมาณการกำไรของนักวิเคราะห์ต่อเนื่อง และ 3) ความชัดเจนทางการเมือง ทำให้ Downside จำกัดที่ 1,520 +/- จุด และคงเป้าหมายสิ้นปีที่ 1,620 จุด

แนะนำ “ซื้อ” หุ้นที่เป็นเป้าหมายการไหลเข้าของกระแสเงินทุนต่างชาติ ที่มีพื้นฐานดี, การบริโภค ลงทุนเร่งตัว และหุ้นที่ Consensus มีโอกาสปรับประมาณการกำไร และเป้าหมายพื้นฐานขึ้น

1) เป้าหมายการไหลเข้าของ Fund Fow: ADVANC AOT KTB SCC

2) การบริโภคและลงทุนเร่งตัว: BJC CPALL (PE17 23.6 เท่าต่ำเป็นอันดับ 2 ในกลุ่มค้าปลีก) QH HMPRO CK และ SEAFCO

3) มีโอกาส Consensus ปรับประมาณการกำไรขึ้น: TOP (กำไรไตรมาส 2/59 ดีกว่าคาด ได้ผลดี PX-Spread ฟื้น) GFPT (กำไรไตรมาส 2/59 ดีกว่าคาด ราคาไก่มีแนวโน้มปรับสูงขึ้นช่วงครึ่งปีหลังของปี 59)

 

บล.เคทีบี (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (10 ส.ค.) แนะนำกลยุทธ์การลงทุน คาดทิศทางตลาดจะเหมือนกับ 2 วันที่ผ่านมา คือ เปิดสูงและขายทำกำไรกัน และกลับมาบวกต่อในช่วงบ่าย กลยุทธ์การลงทุน คือ ยึดกลุ่มนำคือ หุ้นขนาดใหญ่ (ของแต่ละกลุ่ม) เป็นหลัก ผสมด้วยหุ้นที่กำไ ร(คาด) ออกมาดี การเข้าลงทุนจึงควรรอเมื่อราคาอ่อนตัวลงมา (ในระหว่างวัน) เน้นหุ้นที่มี Volume การซื้อขายมากๆไว้ก่อน

หุ้นที่คาดว่าจะได้รับความสนใจจากนักลงทุน สำหรับการเก็งกำไรช่วงสั้น ประกอบด้วย BBL, IVL, BANPU, KCE, ASEFA, CHG, HANA และ GUNKUL

Stock in Focus : S11 (ราคาเหมาะสมจาก IAA Consensus 11.00 บาท)

 

บล.แอพเพิล เวลธ์ ระบุในบทวิเคราะห์ (10 ส.ค.) ว่า ทิศทางตลาดยังได้แรงหนุนจาก Fund Flow ที่ยังไหลเข้าตลาดหุ้นไทย +151 M.USD. และตลาดหุ้นอินโด +73 M.USD. ประกอบกับผลประกอบการ บมจ. วานนี้ที่รายงานออกมาส่วนใหญ่ดีกว่าคาดการณ์ กลยุทธ์การลงทุน ทิศทางค่าเงินบาทช่วงเช้าแข็งค่าอยู่ที่ระดับ 34.80 บาท/ดอลลาร์ยังเป็นปัจจัยหนุน โดยวางแนวรับไว้ที่ 1,535 จุด แนวต้าน 1,560-1,575 จุด แนะนำเก็งกำไรระยะสั้น GFPT และ SAWAD ( + ผลประกอบการไตรมาส 2/59 ดีกว่าคาดการณ์ )

 

บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (10 ส.ค.) คาด SET วันนี้ย่อลงหลังขึ้นแรงติดต่อกัน เนื่องจากแรงขายมีมากขึ้นหลังดัชนีขึ้นมาใกล้ 1,550 จุดแล้ว ขณะที่ดัชนีในภูมิภาคและราคาน้ำมันค่อนข้างนิ่ง มองแนวรับที่ 1,540-1,536 จุด และแนวต้านที่ 1,556-1,560 จุด หุ้นที่แนะซื้อ CPALL และเก็งกำไรคือ BLA, UNIQ และ GFPT

Back to top button