ส่อง 21 บจ.เด็ด SET ยังไม่พ้นช่วงปรับฐาน

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยผันผวนตามตลาดโลกและยังไม่พ้นช่วงพักฐาน หลังขาดปัจจัยใหม่หนุน ขณะที่ตลาดกลับมามีความกังวลต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดอีกครั้ง การลงทุนเน้นเก็งกำไรในหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัวเป็นหลัก รวมถึงหุ้นที่มีแนวโน้มผลการดำเนินงานออกมาดีในครึ่งปีหลัง


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์ รายงาน เช้านี้ ณ เวลา 9.12 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 34.53 บาทต่อเหรียญ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ปรับตัวขึ้น ตามทิศทางของตลาดหุ้นนิวยอร์ก หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยรายงานการประชุมประจำเดือนก.ค. ซึ่งบ่งชี้ว่า กรรมการเฟดยังคงมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันเกี่ยวกับช่วงเวลาในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ส่วนตลาดหุ้นญี่ปุ่นร่วงลงเนื่องจากเงินเยนแข็งค่า

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยผันผวนตามตลาดโลกและยังไม่พ้นช่วงพักฐาน หลังขาดปัจจัยใหม่หนุน ขณะที่ตลาดกลับมามีความกังวลต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดอีกครั้ง การลงทุนเน้นเก็งกำไรในหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัวเป็นหลัก รวมถึงหุ้นที่มีแนวโน้มผลการดำเนินงานออกมาดีในครึ่งปีหลัง

หุ้นเด่นเลือก CKP-TPIPL-GLOBAL-AOT-THAI-BJC-CPF-CK-HMPRO-IRPC-QHSCC-EA-IRPC-BANPU-BCP-GPSC-GFPT-ADVANC-CBG และ EPG

 

บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (18 ส.ค.) ว่า แม้ยังมีมุมมองบวกต่อ SET ในระยะ 6 เดือนข้างหน้าด้วยเป้าหมาย 1,620 จุด (อิงรายงาน The Revision วันที่ 21 ก.ค.) แต่ความเสี่ยงจากการ “พักฐาน” ระยะสั้น ทำให้ ควร “จำกัด” พอร์ตไปก่อน…และแนะนำเพียง “Trading” กลุ่มหุ้นที่มี Momentum แข็งแรงอย่าง CKP (พื้นฐาน 3.60 บาท ระยะสั้น 3.4 บาท), TPIPL (แนวต้าน 2.44/2.56 บาท)… ”ซื้อ” GLOBAL เป้าหมายพื้นฐานใหม่ 16.30 บาท มอง House Brand ที่เพิ่มขึ้นหนุน Profit Margin ระยะยาว ปรับกำไรขึ้น 6-7% ขณะที่ทางเทคนิคราคาหุ้นใกล้แนวรับ 13.50 มีจังหวะ Rebound แนวต้าน 14.5 บาท

แนะนำ AOT, BJC, CPF, CK, HMPRO, IRPC, QH และ SCC ขณะที่ถือเงินสดในสัดส่วน 20% ของพอร์ต เนื่องจากมีความเสี่ยงจากการ “พักฐาน” ระยะสั้นของ SET

 

บล.เออีซี ระบุในบทวิเคราะห์ (18 ส.ค.) คาด SET แกว่งตัวระหว่าง 1,520-1,540 จุด ทั้งนี้มองดัชนียังอยู่ในช่วงพักฐาน หลังช่วงสั้นไร้ปัจจัยหนุนใหม่และความกังวลเฟดปรับขึ้น Fed Fund Rate กลับมากดดันบรรยากาศลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกอีกครั้ง

แนะนำหุ้นที่จะแข็งแกร่งได้ในทุกสถานการณ์

1 : Commercial Operation Date (CoD) บริษัทที่มีโครงการเริ่ม Operate จะมีแนวโน้มกำไรที่ปรับตัวสูงขึ้น ได้แก่ EA, IRPC

2 : IPO โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มที่มี IPO ในธุรกิจโรงไฟฟ้า ได้แก่ TPIPL, BANPU, BCP หรือมีแนวโน้มได้งานในต่างประเทศ GPSC

3 : Dividend Cushion หุ้นที่จ่ายเงินปันผลสูงได้แก่ GFPT, ADVANC

4 : High Alpha บริษัทที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ได้แก่ BJC, CBG, EPG

 

บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ (18 ส.ค.) คาด SET น่าจะผันผวนตามทิศทางตลาดหุ้นต่างประเทศ และอยู่ในช่วงปรับพอร์ตเพื่อรอปัจจัยใหม่เข้าสู่ตลาด หลังดัชนีตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง สะท้อนข่าวดีไปมากแล้ว สำหรับรายงานการประชุมของเฟดเดือนก.ค. ที่ผ่านมาบ่งชี้ว่ามีโอกาสน้อยที่เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเฟดวันที่ 20-21 ก.ย. นี้ ประกอบค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าต่อเนื่องเมื่อเทียบกับสกุลหลัก อัตราผลตอบแทนพันธบัตรยังอยู่ในระดับต่ำ ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ยังคงเป็นแรงหนุนให้ Fund Flow ต่างชาติไหลเข้าตลาดหุ้นเกิดใหม่ รวมถึงตลาดหุ้นบ้านเราด้วย

วันนี้หุ้นกลุ่มน้ำมันน่าจะพยุงตลาด และนักลงทุนจะให้ความสนใจในการเข้าเก็งกำไรในหุ้นขนาดเล็กมากขึ้น โดยเฉพาะธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีอัตราการเติบโตของกำไรดีกว่าคาดและยังมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องในปีหน้า อาทิ CBG, TKN, MALEE, SAPPE, CPF, GFPT, TVO เป็นต้น

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ : Selective BUY/ซื้อเมื่ออ่อนตัว

หุ้นเก็งกำไรระยะสั้น : THAI (แผนปฏิรูปยังไปได้สวย แนวโน้มไตรมาส 3-4 กลับเป็นกำไร ทั้งปีกำไรแน่นอน) 

Back to top button