SET บ่ายยืนบวก ตลาดคลายกังวลเฟด แนะ “ซื้อ” BJC ชูเป้า 50 บ.

SET บ่ายยืนบวกแต่อาจซึมตัวลงบ้าง หลังตลาดฯคลายกังวลเรื่องเฟด พร้อมให้แนวรับ 1,542 แนวต้าน 1,560 จุด โบรกฯแนะจำกัดพอร์ตลงทุน เชียร์ "ซื้อ" BJC ชูเป้า 50 บ. ชี้ปัจจัยหนุนเพียบ


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงาน ตลาดหุ้นไทยดัชนี SET ภาคเช้า (18 ส.ค.) บวกแรงกว่าที่คาดไว้ มีวอลุ่มเทรดคึกคัก คาดเป็นแรงซื้อกลับคืนหลังขายทำกำไรไปก่อนหน้านี้ เนื่องจากบาทยังแข็งค่าเมื่อเทียบเงินดอลลาร์สหรัฐฯที่อ่อนค่าลง ทำให้เอื้อต่อเงินทุนไหลเข้า ซึ่งรอบนี้เล็งนักลงทุนรายบุคคลในประเทศมากกว่าที่ซื้อกลับ ส่วนต่างชาติเมื่อวานนี้ซื้อสุทธิไม่มากและมีการทำ Short ในตลาดฟิวเจอร์สมากด้วย ทำให้ต้องระวัง ขณะที่คาดว่าเมื่อดัชนีฯขึ้นมาแถว 1,550-1,560 ก็อาจจะอ่อนตัวลงได้ ด้านตลาดภูมิภาคเช้านี้แกว่งแคบทั้งในแดนบวก-ลบ บ่ายนี้ตลาดฯคงยังยืนในแดนบวกได้ แต่อาจซึมลงบ้าง พร้อมให้แนวรับ 1,542 แนวต้าน 1,560 จุด

 

นายประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.กสิกรไทย เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้บวกได้แรงกว่าที่คาดไว้ และวอลุ่มเทรดคึกคักมากด้วย เป็นไปได้ที่จะมีแรงซื้อกลับคืนหลังจากที่ได้มีการขายทำกำไรไปในช่วงก่อนหน้านี้ เนื่องจากเงินบาทยังแข็งค่าขณะที่เงินดอลลาร์สหรัฐฯอ่อนค่าลง ทำให้เอื้อต่อเงินทุนที่จะไหลเข้ามา

อย่างไรก็ดีนักลงทุนต่างชาติเมื่อวานนี้ซื้อสุทธิไม่ได้มากนัก เมื่อเทียบกับช่วงที่ผ่านมา และต่างชาติก็มีการทำ Short ในตลาดฟิวเจอร์สมากด้วย ดังนั้น จึงต้องระวังการลงทุนเหมือนกัน พร้อมเชื่อว่ารอบนี้คนที่ซื้อน่าจะเป็นนักลงทุนรายบุคคลในประเทศมากกว่าที่ซื้อกลับหลังจากมองว่าเงินทุนจะไหลเข้ามา อย่างไรก็ดี เชื่อว่าเมื่อดัชนีฯขึ้นมาถึงระดับ 1,550-1,560 จุด อาจจะอ่อนตัวลงได้ 

ด้านตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวในกรอบแคบทั้งในแดนบวก-ลบ แนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่ายนี้ ตลาดฯคงจะยังยืนในแดนบวกได้ แต่อาจจะซึมลงบ้าง พร้อมให้แนวรับ 1,542 จุด ส่วนแนวต้าน 1,560 จุด

 

บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (18 ส.ค.) ว่า SET ภาคเช้า Rebound แข็งแกร่ง แต่ไม่ทำให้ความเสี่ยงจากการ “พักฐาน” หมดไป โดยการกลับมาซื้อหุ้นสุทธิของนักลงทุนต่างชาติเมื่อวานนี้, รายงานการประชุม Fed ล่าสุดแสดงให้เห็นว่าสมาชิกยัง “เสียงแตก” ในการขึ้นดอกเบี้ย ส่งผล Bond Yield 10 ปีสหรัฐฯ ยังต่ำที่ 1.5-1.6% และ ราคาน้ำมันที่ปรับสูงขึ้นเป็นปัจจัยหนุน Sentiment ตั้งแต่เปิดตลาด โดยเฉพาะกลุ่มพลังงานอย่าง PTT PTTEP และ PTTGC

อย่างไรก็ดี ยังมีความกังวลต่อการ “พักฐาน” ของ SET เหมือนเดิม หลังปรับสูงขึ้นแรงเกือบ 10% ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ทำให้ยังแนะนำ “จำกัด” พอร์ตต่อไป และ “ซื้อ” BJC ด้วยเป้าหมายพื้นฐาน 50 บาท จาก 1) แม้ผลการดำเนินงานปกติไตรมาส 2/59 ใกล้เคียงกับที่คาดการณ์ไว้ที่ 706 ล้านบาท +92% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และ +28% จากช่วงเดียวกันของไตรมาสก่อน ใกล้เคียงกว่าที่คาดการณ์ไว้ แต่เริ่มเห็น Synergy กับ BIGC แล้วในการลด SG&A/Sales ลง

2) ผลการดำเนินงานไตรมาส 3/59 จะบันทึกกำไรของ BIGC เข้ามาเต็มไตรมาส และด้วยการบันทึกกำไรของ BIGC เข้ามาเป็นปีในปี 2560 จะทำให้ผลการดำเนินงานเติบโต 96% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็น 6.5 พันล้านบาท 3) แม้ไม่ถูกนำไปคำนวน MSCI ในรอบนี้ แต่ด้วย Market Cap ที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 20 +/- ทำให้มีโอกาสที่จะถูกนำไปคำนวน MSCI และ SET50 ในรอบปลายปีนี้อยู่ดี และ 4) มีสัญญาณ Bullish Divergence ทางเทคนิคในกราฟระดับนาที เป้าหมายระยะสั้นที่ 47.25 บาท

 

ขณะที่ บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ (18 ส.ค.) ว่า สาเหตุที่ดัชนีปรับตัวขึ้นแรง เนื่องจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศชัดเจนแล้วว่าอาจจะต้องรอให้อัตราเงินเฟ้อถึงระดับ 2% ก่อน ทำให้ตลาดคลายความกังวลเรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงเดือนกันยายนนี้และคาดว่าจะเลื่อนออกไปในช่วงปลายปีแทน อีกทั้งในประเทศนักลงทุนยังเข้าซื้อหุ้นปันผลประคองตลาดหุ้นไทยไม่ให้ปรับลงมากนัก

สรุป 5 หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดภาคเช้า

PTTGC มูลค่าการซื้อขาย 1,635.26 ล้านบาท ปิดที่ 65.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.75 บาท

KTB มูลค่าการซื้อขาย 1,549.45 ล้านบาท ปิดที่ 19.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.60 บาท

KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,436.38 ล้านบาท ปิดที่ 198.00 บาท เพิ่มขึ้น 3.50 บาท

BBL มูลค่าการซื้อขาย 869.16 ล้านบาท ปิดที่ 178.00 บาท เพิ่มขึ้น 4.50 บาท          

CPF มูลค่าการซื้อขาย 854.84 ล้านบาท ปิดที่ 32.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท

Back to top button