SET ผันผวน เช็ค 12 บจ.ฟอร์มดี ครึ่งปีหลังกำไรโต
นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยผันผวนและมีโอกาสย่อตัวหลังวานนี้ปรับขึ้นแรง ขณะที่หุ้นขนาดกลางและเล็กที่ปรับขึ้นแรงและเร็วในช่วงที่ผ่านมาอาจเสี่ยงต่อการถูกขายทำกำไรระยะสั้น การลงทุนเน้นกลุ่มที่แนวโน้มกำไรไตรมาส 3/59 ดีต่อเนื่อง และได้รับผลดีจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลง
ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงาน เช้านี้ ณ เวลา 9.21 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 34.59 บาทต่อเหรียญ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลง โดยได้รับปัจจัยถ่วงหลังราคาน้ำมัน WTI ร่วงลง จากความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะน้ำมันล้นตลาด
นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยผันผวนและมีโอกาสย่อตัวหลังวานนี้ปรับขึ้นแรง ขณะที่หุ้นขนาดกลางและเล็กที่ปรับขึ้นแรงและเร็วในช่วงที่ผ่านมาอาจเสี่ยงต่อการถูกขายทำกำไรระยะสั้น การลงทุนเน้นกลุ่มที่แนวโน้มกำไรไตรมาส 3/59 ดีต่อเนื่อง และได้รับผลดีจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลง หุ้นเด่นเลือก PYLON-PLANB-CPN-TCAP-KKP-BA-AAV-EPG-BJC-BEAUTY-CPF และ HMPRO
บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (25 ส.ค.) ว่า SET ยังแข็งแกร่งกว่าที่คาดการณ์ไว้ต่อเนื่อง จากการไหลเข้าของกระแสเงินทุนเข้าหุ้นขนาดใหญ่ โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มธนาคาร อย่างไรก็ตาม การปรับลดลงของราคาน้ำมันดิบ Brent -1.8% เมื่อคืนนี้หลังสต็อกน้ำมันสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 2.5 ล้านบาร์เรล ผิดกับที่คาดว่าจะลดลง 0.45 ล้านบาร์เรล จะเป็นปัจจัยกดดันหุ้นกลุ่มพลังงานวันนี้ และยังมอง SET มีความเสี่ยงจากการ “พักฐาน” ระยะสั้นต่อไป จาก 1) SET ปรับสูงขึ้นเร็วเกินไป หรือเกือบ 10% ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา 2) Reward to Risk ระยะสั้นที่ 0.37x ไม่น่าสนใจ อิง Upside ที่ 1,558 จุด และ Downside ที่ 1,520 จุด
แนะนำ “Selective” หุ้นที่คาดการณ์กำไรไตรมาส 3/59 ดี และได้รับผลดีจากราคาน้ำมันที่ปรับลดลง อย่าง BA AAV EPG (Trade Code ให้เป้าหมาย 14.3 บาท รวมไปหุ้นที่คาดการณ์กำไรไตรมาส 3/59 ดี อย่าง 1) BJC เป้าหมาย 50 บาท รับรู้กำไรจาก BIGC เต็มไตรมาสใน ไตรมาส 3/59ต้นทุนการเงินลด 2) BEAUTY เป้าหมาย 11 บาท ยอดขายต่อสาขาเดิมโตเด่น 14.5% ต่อปี 3) CPF เป้าหมาย 33 บาท ธุรกิจไก่-กุ้งฟื้นตัว ได้ประโยชน์จากการบริโภคฟื้นตัวผ่าน CPALL และ 4) HMPRO
บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (25 ส.ค.) คาด SET วันพฤหัสฯ แกว่งตัว/ลบแคบๆ แรงซื้อบ่ายวานนี้น่าจะยังไม่ต่อเนื่อง (วานนี้บวกแรงกว่าคาดเล็กน้อย) ดัชนีค่าเงินดอลลาร์ฯ เด้งเล็กน้อยเมื่อคืน ชี้ว่าตลาดยังไม่เห็นความชัดเจนของถ้อยแถลงของประธานเฟดในคืนวันศุกร์เวลาไทย ด้านตลาดน้ำมันปรับฐาน หลัง EIA รายงานสต็อกน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น 2.5 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่ม 3.6 หมื่นบาร์เรล (ทั้ง 2 ตัวเลข สูงกว่าตลาดคาด) ภาพรวมฟันด์โฟลว์ระยะสั้น อยู่ในเกณฑ์ปานกลาง (คาดยังเน้นเข้า domestic play) และยังช่วยจำกัดความเสี่ยงของดัชนีฯ ทั้งนี้ฝ่ายวิจัย KGI คงมุมมองเป้าดัชนีฯ ไตรมาส 3/59 ที่ 1,580 จุด อิงสมมติฐานของนักเศรษฐศาสตร์ KGI ว่าเฟดจะไม่ส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยใน ก.ย. (เร็วสุดน่าจะเป็นเดือน ธ.ค. นี้)
หุ้นเด่นวันนี้ ตามปัจจัยพื้นฐาน PYLON (เป้า Consensus 11.50 บาท), PLANB (เป้า Consensus 6.90 บาท) และ CPN (เป้าพื้นฐาน 70.00 บาท)
บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ (25 ส.ค.) คาด SET น่าจะผันผวนในกรอบแคบและมีโอกาสย่อหลังปรับขึ้นแรงวานนี้ อย่างไรก็ตาม อาจมีโมเมนตัมในเชิงบวกของหุ้นกลุ่มธนาคารที่นำตลาดวานนี้หลัง SCB และ BAY ประกาศจ่ายปันผลระหว่างกาลพบว่าอยู่ในอัตราเท่ากับปีที่ผ่านมา ดังนั้นจึงยังเชื่อว่าจะยังมีการเข้าเก็งกำไรกลุ่มนี้ต่อเนื่อง โดยเฉพาะแบงก์ที่จะประกาศปันผลเร็วๆ นี้ อย่าง KBANK (ปีที่แล้วจ่าย 0.50 บาท/หุ้น), BBL (2 บาท/หุ้น), TCAP (0.75 บาท/หุ้น) และ KKP (1 บาท/หุ้น) (ส่วน TISCO และ KTB จ่ายปีละครั้ง)
ขณะที่ปัจจัยภายนอกยังคงให้น้ำหนักกับถ้อยแถลงของประธานเฟดที่จะกล่าวสุนทรพจน์ในวันศุกร์นี้ และจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับลงเมื่อคืนที่ผ่านมาจะกดดันราคาหุ้นกลุ่มพลังงานและหน่วงดัชนีตลาดไปด้วย สำหรับปัจจัยภายในบ้านเราวานนี้ ส.อ.ท. รายงานตัวเลขส่งออกรถยนต์เดือนก.ค. ลดลง 3.13% จากปีก่อนน่าจะส่งผลให้ยอดส่งออกไทยรวมเดือน ก.ค. ที่จะประกาศในวันศุกร์นี้ลดลงตามไปด้วย นอกจากนี้ หุ้นขนาดกลางและเล็กที่ปรับขึ้นแรงและเร็วในช่วงที่ผ่านมาอาจถูกขายทำกำไรระยะสั้นได้
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ : Selective BUY/ขึ้นแรงขาย
หุ้นเก็งกำไรระยะสั้น : TCAP, KKP (กำลังประกาศปันผลระหว่างกาลเร็วๆ นี้ และเชื่อว่าจะยังอยู่ในระดับสูง)