ส่อง 10 บจ.ร้อน ครึ่งปีหลังมาแรงSET ผันผวน ระวังแรงขายท้ายตลาด

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยยังผันผวนต่อในกรอบแคบด้วยมูลค่าซื้อขายเบาบาง ขณะที่การขึ้น XD ของ PTT คาดว่าจะกระทบดัชนี 1-2 จุด การลงทุนเน้นหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว โดยเชื่อว่าจะมีแรงเก็งกำไรต่อเนื่องในหุ้นขนาดกลางและเล็กจากความคาดหวังต่อผลประกอบการในครึ่งปีหลัง อย่างไรก็ตามให้ระวังแรงขายทำกำไรช่วงท้ายตลาด


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงาน เช้านี้ ณ เวลา 9.18 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 34.61 บาทต่อเหรียญ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยการนำของตลาดหุ้นญี่ปุ่น เนื่องจากหุ้นกลุ่มส่งออกทะยานขึ้นหลังจากเงินเยนอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ภายหลังจากที่นายสแตนลีย์ ฟิสเชอร์ รองประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ออกมาส่งสัญญาณครั้งใหม่ว่า เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยในระยะใกล้นี้

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยยังผันผวนต่อในกรอบแคบด้วยมูลค่าซื้อขายเบาบาง ขณะที่การขึ้น XD ของ PTT คาดว่าจะกระทบดัชนี 1-2 จุด การลงทุนเน้นหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว โดยเชื่อว่าจะมีแรงเก็งกำไรต่อเนื่องในหุ้นขนาดกลางและเล็กจากความคาดหวังต่อผลประกอบการในครึ่งปีหลัง อย่างไรก็ตามให้ระวังแรงขายทำกำไรช่วงท้ายตลาด หุ้นเด่นเลือก KCE-CPF-BR-BA-AAV-EPG-IRPC-ARROW-MILL และ PLANB

 

บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (31 ส.ค.)การขึ้น XD ของ PTT 6.00 บาท (จ่ายวันที่ 16 ก.ย.) วันนี้กดดัน SET 1.65 จุด รวมไปถึงการปรับลดลงของราคาน้ำมันดิบ Brent ต่อเนื่อง 1.8% จะเป็นปัจจัยกดดันหุ้นกลุ่มพลังงาน ด้วนแนวรับ 1,536 จุดแม้ SET ยังไม่มีการ “พักฐาน” อย่างที่คาดการณ์ไว้ แต่ยังกังวลต่อไปเนื่องจาก 1) โอกาสที่ Fed จะขึ้นดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น หนุน Bond Yield ล่าสุดปรับขึ้นมาที่ 2.20% ส่งผล Earning Yield Gap (ส่วนต่างระหว่าง E/P และ Bond Yield 10 ปี) มาที่ 3.7% ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยที่ 4% 2) การแข็งค่าของเงินดอลลาร์ฯ กดดันราคาสินค้าโภคภัณฑ์โดยเฉพาะราคาน้ำมัน

แนะนำ : พอร์ตหลัก “จำกัด” เงินลงทุน… และ “Selective” ในกลุ่มหุ้น

1) ผลดีเงินบาทอ่อนค่า กำไรเติบโตดี : KCE, CPFและ BR

2) ผลดีจากราคาน้ำมันปรับลดลง : BA, AAV, EPG และ IRPC

และ “ซื้อ” PLANB พื้นฐาน 7.20 บาท… กำไรมีแนวโน้มกลับมาเติบโตสูง 44% ในปี 2017 จาก 1) รายได้จากการเป็น Agent โฆษณาทีมฟุตบอลไทย + Thai Premier League 2) เศรษฐกิจฟื้นหนุนรายได้ค่าโฆษณาโดยตรง และ 3) กำไรครึ่งหลังปี 59 มีแนวโน้มเร่งตัวขึ้นทำ Record High รายไตรมาส

 

บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ (31 ส.ค.) คาด SET น่าจะผันผวนในกรอบแคบด้วยปริมาณการซื้อขายเบาบาง เนื่องจากขาดปัจจัยใหม่หนุนนำ แม้ตลาดจะไม่เชื่อว่าเฟดจะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยในเดือนหน้า แต่นักลงทุนยังมีกังวลต่อเนื่องและให้น้ำหนักกับผลกระทบดอกเบี้ยค่อนข้างมาก และยังต้องจับตาความเคลื่อนไหวของค่าเงินดอลลาร์ที่ยังแข็งค่ามากสุดในรอบ 1 เดือน ซึ่งเป็นปัจจัยกดดันตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม ตราบใดที่ค่าเงินบาทยังแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐน่าจะเป็นปัจจัยหนุนให้ Fund Flow ต่างชาติไหลเข้าตลาดหุ้นต่อเนื่อง สำหรับปัจจัยที่ต้องติดตามได้แก่ วันนี้รายงานภาวะเศรษฐกิจไทยเดือนก.ค. จากธปท. ซึ่งน่าจะออกมาดีต่อเนื่อง และอัตราเงินเฟ้อไทยเดือนส.ค. และดัชนีผลผลิตภาคอุตฯ (ISM) สหรัฐ และ PMI ของจีนวันพรุ่งนี้ ซึ่งตลาดคาดจะอยู่เกินระดับ 50 ที่สำคัญคือ วันศุกร์รอดูตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนส.ค. ของสหรัฐฯ ซึ่งตลาดคาดไว้ที่ 180k ลดลงจาก 255k ในเดือนก.ค. (หากมากกว่าคาดก็จะเป็นปัจจัยหนุนเฟดปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเดือนก.ย.)

ดังนั้นวันนี้หุ้นขนาดกลางและเล็กจะยังได้รับความสนใจเข้ามาเก็งกำไรต่อเนื่อง โดยเฉพาะหุ้นที่คาดกำไรไตรมาส 3/59จะโตดี อย่างไรก็ตามหุ้นเหล่านี้ปรับตัวขึ้นเร็วและแรงดังนั้นจึงต้องระมัดระวังแรงขายระยะสั้นหรือแรงขายในช่วงท้ายตลาดด้วย ขณะที่หุ้นขนาดใหญ่น่าจะนิ่งรอปัจจัยใหม่ (PTT XD วันนี้ 6.00 บาท คาดกระทบ SET 2 จุด)

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ : Selective BUY/ลดหุ้นที่คาดจะได้รับผลกระทบกรณีเฟดขึ้นดอกเบี้ยและดอลลาร์แข็ง

หุ้นเก็งกำไรระยะสั้น : BIG (คาดกำไรสุทธิครึ่งปีหลังของปี 59 จะเพิ่มขึ้นกว่า 33% เมื่อเทียบกับครึ่งปีแรก)

 

บล.แอพเพิล เวลธ์ ระบุในบทวิเคราะห์ (31 ส.ค.) แนะนำวางกรอบการลงทุนไว้ที่ 1,530-1,560 จุด และลงทุนในลักษณะ Trend Following  ระยะสั้นแนะนำเก็งกำไรหุ้นที่มีสัญญาณบวกทางเทคนิค เช่น ARROW และ MILL

Back to top button