เช็ค 15 หุ้นร้อน รอเก็งกำไรช่วง SET รีบาวด์

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้ผันผวนหลังปัจจัยจากทั้งในและนอกประเทศไม่ชัดเจน อย่างไรก็ตาม ยังมีโอกาสรีบาวด์หลังวานนี้ปรับลงแรง การลงทุนแนะนำเก็งกำไรช่วงดัชนีฟื้นตัว โดยเน้นที่หุ้นพื้นฐานดี และกำไรครึ่งปีหลังมีโอกาสเติบโตต่อเนื่อง


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงาน เช้านี้ ณ เวลา 9.25 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 34.80 บาทต่อเหรียญ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเคลื่อนไหวอย่างผันผวน โดยหุ้นกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่หุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคปรับตัวลดลง

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้ผันผวนหลังปัจจัยจากทั้งในและนอกประเทศไม่ชัดเจน อย่างไรก็ตาม ยังมีโอกาสรีบาวด์หลังวานนี้ปรับลงแรง การลงทุนแนะนำเก็งกำไรช่วงดัชนีฟื้นตัว โดยเน้นที่หุ้นพื้นฐานดี และกำไรครึ่งปีหลังมีโอกาสเติบโตต่อเนื่อง หุ้นเด่นเลือก HMPRO-CPN-BBL-PTT-CBG-BR-TKN-MALEE-TWPC-KCE-BCH-TOP-SCC-CK และ TPCH

 

บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (6 ก.ย.) ว่า SET ปรับลดลงใกล้เส้นค่าเฉลี่ย 3 เดือนที่ 1,488 จุด (MAV 63 วัน) ประกอบกับราคาน้ำมันดิบ Brent +1.7% หลังรัสเซีย-ซาอุฯ ตั้งคณะทำงานร่วมในการสร้างเสถียรภาพราคาน้ำมัน หนุน Technical Rebound วันนี้ ด้วยแนวต้าน 1,500-1,510 จุด

แต่ภาพระยะกลางต้องกังวลมากขึ้นจาก 1) SET ปรับสูงขี้นเร็วก่อนหน้านี้ส่งผล PE16 ขึ้นมาที่ 16.3x 2) Bond Yield 10 ปีในประเทศที่ 2.3% มีแนวโน้มปรับสูงขึ้นก่อน Fed ขึ้นดอกเบี้ย กดดัน Earnings Yield Gap ปรับลดลง 3) ถ้าพิจารณาจาก Trade Code จะเห็นว่าหุ้นที่มี Momentum “บวก” (Score เบอร์ 4-6) ลดลงเหลือ 17% หุ้น Momentum “ลบ” (Score เบอร์ 1-3) เพิ่มขึ้นเป็น 53%

แนะนำ “เก็งกำไร” ในจังหวะ Rebound โดยเฉพาะกลุ่มหุ้นที่ปรับลดลงเข้าใกล้แนวรับระยะสั้น ได้แก่ HMPRO (แนวรับ 3 เดือนที่ 10 บาท ลุ้น Rebound แนวต้าน 10.6 บาท) CPN (แนวรับ 3 เดือน 57.75 บาท มีจังหวะ Rebound แนวต้าน 59 บาท) BBL (แนวรับ 200 วัน 166.5 มีจังหวะ Rebound แนวต้าน 169.5 บาท) PTT (แนวรับ 3 เดือนที่ 327 บาท มีจังหวะ Rebound แนวต้าน 340 บาท)

 

บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ (6 ก.ย.) เชื่อว่าสัญญาณที่ไม่ชัดเจนจากปัจจัยพื้นฐานทั้งในและต่างประเทศจะส่งผลให้ SET ผันผวนโดยไร้ทิศทาง ที่สำคัญค่าเงินบาทที่ยังอ่อนค่าเช้านี้และการปรับพอร์ตของนักลงทุนรายใหญ่อาจส่งผลให้ SET มีโอกาสปรับฐานอีกสักระยะหนึ่งหลังปรับขึ้น 7 เดือนติดต่อกัน (+27% จากจุดต่ำสุดในเดือนม.ค.) แม้ SET จะปรับฐานลงมาแล้วกว่า 3.7% จากระดับสูงสุดที่ 1,550 จุด แต่เนื่องจากโมเมนตัมของการขยายตัวทางเศรษฐกิจเริ่มแผ่วลงในเดือนก.ค. ตามรายงานของธปท. ทำให้ตลาดคาดว่าเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีหลังของปี 59 จะทรงตัวหรือขยายตัวได้ไม่มาก ซึ่งฝ่ายวิจัยแบงก์กรุงศรียังคงคาดการณ์จีดีพีไทยปีนี้อยู่ที่ 3.2%

อย่างไรก็ตามเราเชื่อว่าการปรับฐานของ SET รอบนี้น่าจะอยู่ที่ระดับ 1,470 จุด (หรือ -5% จาก Peak 1,550) สำหรับนักลงทุนที่ติดหุ้นอยู่ในระดับสูงเรายังแนะนำ ถือต่อ เพราะเรายังเชื่อว่า Fund Fow ต่างชาติจะยังไหลเข้าต่อเนื่องจนกว่าเฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ย ซึ่งเราเชื่อว่าน่าจะเกิดขึ้นในเดือนธ.ค. นอกจากนี้วันนี้หุ้นกลุ่มพลังงานน่าจะเป็นกลุ่มนำตลาด ขณะที่หุ้นที่ตกลงแรงในช่วง 3 วันที่ผ่านมา ส่วนใหญ่เป็นหุ้นพื้นฐานดีพื้นฐานไม่ได้เปลี่ยน อีกทั้งยังมีกำไรเติบโตต่อเนื่องไปจนถึงปีหน้า ท่ามกลางเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวอย่างเปราะบาง โดยเฉพาะกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม (หุ้น XD วันนี้; BAY, BBL, KKP, KBANK, BCP, BA และ RATCH)

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้: Selective BUY/ลงลึกซื้อเก็งกำไรเล่นรอบสั้น

หุ้นเก็งกำไรระยะสั้น: ทยอยเก็บหุ้นอาหารและเครื่องดื่มที่คาดกำไรโตต่อเนื่อง (CBG, BR, TKN, MALEE และ TWPC)

 

บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (6 ก.ย.) คาดทิศทางตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวลงต่อ โดยคาดว่านักลงทุนบางส่วนอาจชะลอการลงทุนหลังตลาดปรับลงแรงวานนี้เพื่อรอปัจจัยบวกใหม่ๆสนับสนุน ทั้งนี้ ในคืนนี้จะมีการรายงานดัชนีการจัดซื้อภาคบริการของสหรัฐ (PMI) สำหรับเดือน ส.ค. 2559 ซึ่งคาดว่าจะอยู่ที่ 51.2 ไม่ต่างจากเดือนก่อนหน้าที่อยู่ที่ 51.4 มากนัก (อนี่งระดับที่สูงกว่า 50 บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจมีการขยายตัว)

แนวรับ/แนวต้าน : 1470/1530 สัดส่วนการลงทุน : เงินสด 50% : พอร์ตหุ้น 50%

กลยุทธ์ : ทยอยลดพอร์ต ซื้อหุ้นขนาดเล็กที่มีประเด็นบวก

หุ้นแนะนำ : KCE (110), BCH (14.00), TOP (79.00) และ TPCH (23.40)

 

บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (6 ก.ย.) คาด SET วันอังคารจะแกว่งตัว/เริ่มสร้างฐานได้ หลังเผชิญแพนิกเซลล์ 2 วันรวม 47 จุด (วานนี้ดัชนีฯ ลงแรงต่อ ผิดจากที่คาด) ล่าสุดดัชนีฯ ลงมาเทรด fwd PE2559 ที่ 15.7 เท่า ต่ำกว่า fwd PE2559 ของตลาดหุ้นอินโดฯ และตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ที่ 19.9 เท่า และ 17.6 เท่าตามลำดับ ประเด็นที่ว่าหุ้นไทยแพงกว่าหุ้นอาเซียนน่าจะหมดไป ขณะที่ดัชนีฯ วานนี้ลงต่ำกว่า PE band ที่ 17 เท่าแล้ว ซึ่งเป็นระดับที่มีการรีบาวด์ตามมาทุกครั้งนับจากปลายปีที่แล้ว และนักลงทุนสถาบันซึ่งเป็นผู้ขายหลักในรอบนี้ขายสุทธิแล้ว 3.83 หมื่นล้านบาทในไตรมาสสาม และ 4.13 หมื่นล้านบาทนับจากต้นปี จึงมองว่าการปรับพอร์ตใกล้สิ้นสุด

อย่างไรก็ตาม ค่าเงินบาทเช้านี้อ่อนต่อ 0.2% ชี้ว่าจิตวิทยาตลาดยังเปราะบางอยู่ แนะนำทยอยสะสมหุ้นพื้นฐานเด่นที่ราคาร่วงตามสภาพตลาด ด้านปัจจัยภายนอก ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดทำการ ขณะที่ราคาน้ำมันรีบาวด์หลังซาอุฯ และรัสเซียแถลงจะร่วมกันสร้างเสถียรภาพในตลาดน้ำมัน

หุ้นเด่นวันนี้ ตามปัจจัยพื้นฐาน : หุ้นแข็งกว่าตลาดฯ SCC (เป้าพื้นฐาน 635 บาท) / หุ้นลงแรงพื้นฐานไม่เปลี่ยน CK (เป้าพื้นฐาน 39.5 บาท)

Back to top button