SET บ่ายผันผวน รอผลเฟด-BOJ สัปดาห์หน้ากูรูแนะ “ซื้อ” BJC เป้า 55 บ. ปัจจัยหนุนเพียบ
SET บ่ายผันผวน รอผลเฟด-BOJ สัปดาห์หน้า พร้อมให้แนวรับ 1,460 จุด ส่วนแนวต้าน 1,470-1,480 จุด กูรูแนะ “ซื้อ” BJC ชูเป้า 55 บ. ปัจจัยหนุนเพียบ
ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงานตลาดหุ้นไทยดัชนี SET ภาคเช้า (16 ก.ย.)ปรับขึ้นคล้ายภูมิภาคส่วนใหญ่ ยกเว้นตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ร่วง ตลาดฯรับรู้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟดไปพอควรแล้ว และวันนี้รับแรงซื้อกลุ่มพลังงานหลังราคาน้ำมันดีดขึ้น ส่วนกลุ่มแบงก์แผ่วลง แนะติดตามปัจจัยในประเทศต่อไป บ่ายนี้ผันผวน รอผลเฟด-BOJ ปดาห์หน้า พร้อมให้แนวรับ 1,460 จุด ส่วนแนวต้าน 1,470-1,480 จุด
น.ส.อาภาภรณ์ แสวงพรรค ผู้อำนวยการบริหารฝ่ายวิจัย บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวขึ้นคล้ายตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียส่วนใหญ่บวกเล็กน้อย ยกเว้นตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ติดลบมาก และมีหลายตลาดในภูมิภาคปิดทำการวันนี้
โดยดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้พยายามขึ้นมาทดสอบแนว 1,470-1,480 จุด หลังจากตลาดฯ รับรู้เรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ไปพอควรแล้ว โดยหากหุ้นปรับขึ้นไปก่อนที่ผลการประชุมเฟดจะออกมาก็ต้องระวัง Sell on fact หากผลประชุมออกมาตามคาดในสัปดาห์หน้า เช่นเดียวกับผลการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ที่จะทราบในสัปดาห์หน้าเชานกัน
ทั้งนี้ ตลาดฯได้รับแรงซื้อจากหุ้นในกลุ่มพลังงานภายหลังจากที่ราคาน้ำมันได้ดีดตัวขึ้น ขณะที่หุ้นในกลุ่มแบงก์วันนี้ดูจะแผ่วลงอาจเป็นเพราะได้ปรับขึ้นไปในช่วงก่อนหน้านี้แล้ว พร้อมให้ติดตามปัจจัยในประเทศที่มีน้ำหนักต่อตลาดฯต่อไปด้วย
แนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่ายนี้ ตลาดฯคงเป็นลักษณะของการเทรดเพื่อรอผลประชุมเฟด และ BOJ หากหุ้นในกลุ่มพลังงานยังบวกได้ก็เชื่อว่าตลาดฯก็น่าจะยังยืนในแดนบวกได้เช่นกัน พร้อมให้แนวรับและแนวฟิวเตอร์ไว้ที่ 1,460 จุด ซึ่งไม่ควรจะหลุด สำหรับนักลงทุนที่เล่นเทรดดิ้งหากหลุดแล้วจะดูไม่ดีนัก ส่วนแนวต้านให้ไว้ที่ 1,470-1,480 จุด
บล.ธนชาตระบุในบทวิเคราะห์ (16 ก.ย.) ว่า SET ภาคเช้าฟื้นตัวโดยตลอดช่วง 4 วันที่ผ่านมา ทำให้ Upside Risk จากการ Pull-bank ที่ 1,480 จุด “จำกัด” มากแล้ว ขณะที่การ Rebalance ของ FTSE ช่วงปลายตลาดวันนี้ คาดว่าจะทำให้ SET มีความ “ผันผวน” มากขึ้นในช่วงท้ายตลาดวันนี้ทั้งนี้เรายังแนะนำ “จำกัด” พอร์ตต่อเนื่อง หรือนักลงทุนที่ยังไม่ได้ลดพอร์ตก่อนหน้านี้ ควรใช้จังหวะ Rebound ของ SET ในการลดพอร์ต
ในขณะเดียวกันแนะนำ “ซื้อ” BJC ด้วยเป้าหมายพื้นฐาน 55 บาท และระยะสั้นที่ 44.25-44.50 บาท หรือถัดไปที่ 46.0 บาท ด้วยปัจจัยสนับสนุนจาก 1) ความเสี่ยงจากแรงขายของนักลงทุนต่างชาติ-สถาบัน จำกัด เนื่องจากยังมีการถือหุ้น BJC ในสัดส่วนต่ำ เมื่อเทียบกับ Market Cap 2) เป็นหุ้นที่มีโอกาสถูกเพิ่มในดัชนี SET50 หรือ MSCI ในอนาคต เนื่องจากขนาด Market Cap ใหญ่อันดับ 19 ของตลาด 3) การเข้าซื้อ BIGC เป็นการเติมเต็ม Value-Chain ตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงผู้บริโภค และผลการดำเนินงานไตรมาส 3/59 จะเติบโตสูงจากการรับรู้กำไร BIGC เข้ามาเต็มไตรมาส 4) คาดการณ์กำไร 2560 เติบโตแกร่ง 125% ที่ 7.3 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 3.3 พันล้านบาทในปี 2559 หรือคิดเป็น PE 23.3x ยังถูกกว่าหุ้นกลุ่มค้าปลีกอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น CPALL GLOBAL BEAUTY
สรุป 5 หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดภาคเช้า
JAS มูลค่าการซื้อขาย 1,814.27 ล้านบาท ปิดที่ 6.60 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท
CPALL มูลค่าการซื้อขาย 1,723.34 ล้านบาท ปิดที่ 58.50 บาท ลดลง 1.00 บาท
SCC มูลค่าการซื้อขาย 1,283.00 ล้านบาท ปิดที่ 524.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท
BEM มูลค่าการซื้อขาย 1,069.05 ล้านบาท ปิดที่ 7.45 บาท เพิ่มขึ้น 0.10 บาท
KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,008.35 ล้านบาท ปิดที่ 188.00 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง