SET บ่ายแกว่งแคบ แนะจับตาประชุมเฟดสัปดาห์นี้แนะ “ซื้อ” กลุ่มหุ้นที่มี Momentum แกร่งกว่าตลาด

SET บ่ายแกว่งแคบ แนะจับตาประชุมเฟดสัปดาห์นี้ พร้อมให้แนวต้าน 1,490 จุด แนวรับ 1,470 จุด แนะ “ซื้อ” กลุ่มหุ้นที่มี Momentum แกร่งกว่าตลาด นำโดย INTUCH, BJC, BEAUTY, GFPT, CKP และ ILINK


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงานตลาดหุ้นไทยดัชนี SET ภาคเช้า (19 ก.ย.) แกว่งในกรอบแคบ ตามทิศทางตลาดหุ้นเอเชีย แต่ยังไม่มีปัจจัยหนุนที่โดดเด่น ขณะที่คาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้จะซึมลงบ้างหลังจากปรับเพิ่มขึ้นค่อนข้างมากในสัปดาห์ก่อน และนักลงทุนรอความชัดเจนการประชุมเฟดในสัปดาห์นี้ แนวโน้มช่วงบ่ายแกว่งแคบคาดว่าอาจมีแรงขายทำกำไรออกมา เพื่อปรับสัดส่วนพอร์ตและลดความเสี่ยงระหว่างที่รอความชัดเจนเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ยจากเฟด พร้อมให้แนวต้าน 1,490 จุด แนวรับ 1,470 จุด

นายธีรวุฒิ กานต์นิภากุล ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยในช่วงเช้าที่ผ่านมาดัชนีแกว่งตัวกรอบแคบในแดนบวก ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่ปรับตัวขึ้นและส่วนใหญ่แกว่งตัวในกรอบแคบเช่นเดียวกัน โดยยังไม่มีปัจจัยหนุนที่โดดเด่นในช่วงนี้

อย่างไรก็ตามในสัปดาห์นี้จะเป็นช่วงที่นักลงทุนต่างรอความชัดเจนจากที่ประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 20-21 ก.ย. นี้ว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหรือไม่ ทำให้แนวโน้มตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้อาจจะซึมลงไปบ้าง หลังจากที่ตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นกลับมาในช่วงสัปดาห์ก่อนค่อนข้างมาก

ส่วนแนวโน้มตลาดหุ้นไทยในช่วงบ่าย คาดว่าอาจจะมีการขายทำกำไรออกมาบ้าง หลังนักลงทุนบางส่วนอาจจะปรับสัดส่วนพอร์ตการลงทุน เพื่อลดความเสี่ยงและรอดูผลการประชุมเฟดที่จะออกมาในช่วงปลายสัปดาห์ ซึ่งอาจจะยังเป็นภาพของการแกว่งตัวในกรอบแคบในวันนี้พร้อมให้แนวต้าน 1,490 จุด แนวรับ 1,470 จุด

 

บล.ธนชาตระบุในบทวิเคราะห์ (19 ก.ย.) ว่า SET เคลื่อนไหวในกรอบแคบ ด้วยปริมาณการซื้อขายลดลงตั้งแต่ช่วงเปิดตลาด (ไม่รวมปริมาณการซื้อขาย JAS ที่มีประเด็นการทำ Tender Offer ที่ 7.25 บาท) ทั้งนี้แม้เรามอง Upside ของ SET จำกัดที่  1,488 จุด อิงเส้นค่าเฉลี่ย 1 เดือน แต่ถ้าพิจารณาในเชิง Momentum ที่แข็งแรงอาจยังสามารถ “เลือกซื้อ” กลุ่มหุ้นที่มี Momentum แข็งแกร่งกว่าตลาดได้โดยกำหนด Trailing Stop ที่ 1,466 จุด

1) INTUCH ราคาปุจจุบันให้ผลตอบแทนระยะ 12 เดือนข้างหน้าเกือบ 8% ขณะที่ถ้าพิจารณาในทางเทคนิคราคาหุ้นกลุ่มสื่อสารมีแนวโน้มแข็งแกร่งกว่าตลาดโดยรวม เป้าหมายระยะสั้น 56.75 บาท

2) BJC เริ่มรับรู้ผลการดำเนินงาน BIGC เต็มไตรมาสเป็นครั้งแรกในไตรมาส 3/59 ทำให้กำไรเติบโตกระโดด และเริ่มเห็นผลของการลดดอกเบี้ยจ่ายตั้งแต่ไตรมาส 3/59 เป็นต้นไป คาดการณ์กำไรเติบโตเด่น +125% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนในปี 2560 เป้าหมายระยะสั้นที่ 46.0 บาท

3) BEAUTY คาดการณ์ผลการดำเนินงานไตรมาส 3/59 ดีต่อเนื่อง จากยอดขายและการขยายสาขา เป้าหมายระยะสั้นที่ 8.60 บาท

4) GFPT ราคาไก่ทรงตัวในระดับสูง และยอดส่งออกที่เพิ่มขึ้นในไตรมาส 3/59 เป้าหมายระยะสั้นที่ 15.50 บาท

5) CKP กำลังการผลิตไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นหนุนผลการดำเนินงานเติบโตต่อเนื่อง 8-12% ในปี 2560-2561 และจะขยายตัวเด่นหลังโครงการไซยบุรีเริ่มผลิตไฟฟ้าในปี 2563 เป้าหมายระยะสั้น 3.32/3.40 บาท

6) ILINK ราคาหุ้นยังไม่สะท้อนการรับงานสายส่ง 310 ล้านบาท และสถาณีไฟฟ้าย่อย 563 ล้านบาทในช่วงต้นเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา คาดการณ์กำไร 2556 เติบโต 9.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 291 ล้านบาท และจะเร่งตัวขึ้นอย่างมากถึง 84.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนในปี 2560 เป็น 536 ล้านบาท เป้าหมายระยะสั้น 21.8 บาท

 

สรุป 5 หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดภาคเช้า  

JAS    มูลค่าการซื้อขาย 9,453.75 ล้านบาท ปิดที่   7.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.60 บาท

DTAC   มูลค่าการซื้อขาย 1,057.69 ล้านบาท ปิดที่  34.75 บาท เพิ่มขึ้น 3.50 บาท

ADVANC มูลค่าการซื้อขาย   946.15 ล้านบาท ปิดที่ 166.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท

BEM    มูลค่าการซื้อขาย   820.68 ล้านบาท ปิดที่   7.45 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง

CPALL  มูลค่าการซื้อขาย   798.28 ล้านบาท ปิดที่  60.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท

 

Back to top button