จัดทัพ 17 หุ้นร้อน SET ยังไม่พ้นช่วงผันผวน
นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยยังไม่พ้นช่วงผันผวน แม้ในระยะสั้นจะมีสัญญาณบวกจากการยืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 1 เดือน ที่ 1,488 จุด และมีโอกาสขึ้นไปทดสอบระดับ 1,500 จุด แต่ในระหว่างวันอาจจมีแรงขายทำกำไรออกมา หลังปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง ประกอบกับนักลงทุนเริ่มไม่มั่นใจต่อทิศทาง Fund Flow ของนักลงทุนต่างชาติ หลังวานนี้ขายสุทธิเป็นวันแรกในรอบ 9 วันทำการ การลงทุนแนะนำหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว, หุ้นที่มีสัญญาณบวกทางเทคนิค และกลุ่มที่ราคายัง Laggard เมื่อเทียบกับตลาดรวม
ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงาน เช้านี้ ณ เวลา 9.20 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 34.80 บาทต่อเหรียญ ด้านตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลง ขณะที่นักลงทุนจับตาดูการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ในสัปดาห์นี้
นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยยังไม่พ้นช่วงผันผวน แม้ในระยะสั้นจะมีสัญญาณบวกจากการยืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 1 เดือน ที่ 1,488 จุด และมีโอกาสขึ้นไปทดสอบระดับ 1,500 จุด แต่ในระหว่างวันอาจจมีแรงขายทำกำไรออกมา หลังปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง ประกอบกับนักลงทุนเริ่มไม่มั่นใจต่อทิศทาง Fund Flow ของนักลงทุนต่างชาติ หลังวานนี้ขายสุทธิเป็นวันแรกในรอบ 9 วันทำการ การลงทุนแนะนำหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว, หุ้นที่มีสัญญาณบวกทางเทคนิค และกลุ่มที่ราคายัง Laggard เมื่อเทียบกับตลาดรวม
หุ้นเด่นเลือก BEAUTY–EA-KTC-SMT-MONO-COM7-SCC-TMT-PAP-AOT-BEM-TK-SINGER-GCAP-MTLS-SAWAD และ TWPC
บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (20 ก.ย.) ว่า การที่ SET ยืนได้เหนือ 1,488 จุด (เส้นค่าเฉลี่ย 1 เดือน) ถือว่าเป็นสัญญาณ “บวก” ระยะสั้น แต่ด้วยปริมาณการซื้อขายที่ไม่มาก หรือประมาณ 4 หมื่นล้านบาท (ไม่รวม JAS และ JAS-W3 ที่ซื้อขายรวมกัน 1.9 หมื่นล้านบาท) ทำให้มองว่า SET ยังมีความ “ผันผวน” ต่อไป โดยเฉพาะถ้าพิจารณาจาก 1) Fed มีโอกาสขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเดือน ธ.ค.นี้ และ 2)Valuation ที่ PE 16.3 เท่าปีนี้ และ 14.8 เท่าปีหน้ายังสูงกว่าค่าเฉลี่ย 2009-2016 ที่ 13.2 เท่า
แม้ SET ยืนได้เหนือ 1,488 จุด แต่มอง Reward to Risk Ratioไม่น่าสนใจ ทำให้ยังแนะนำ “จำกัด” พอร์ตต่อ และ “เลือกซื้อ” ในกลุ่มหุ้นที่มีประเด็นบวก ได้แก่: 1) BEAUTY คาดการณ์กำไรไตรมาส 3/59 แกร่ง ด้วยยอดขายเติบโตกว่า 46% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน และกำไรทั้งปีเติบโต 47% จากปีก่อน
2) EA การรับรู้กำไรจาก Solar Farm ที่พิษณุโลก 90MW และ Wind Farm หาดกังหัน126MW ในไตรมาส 3/59 หนุนกำไรเติบโตแกร่ง จากช่วงเดียวกันในปีก่อน (Trade Code แนะนำ “ซื้อ”เป้าหมาย 30 บาท) และ 3) KTC ส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้น ขณะที่ต้นทุนการเงินและค่าใช้จ่ายการตลาดลดลง หนุนกำไรโต 21% ปีนี้ PE 11 เท่า ยังไม่สูง
บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (20 ก.ย.) คาด SET วันอังคารจะแกว่งแคบๆ หลังฟื้นตัวต่อเนื่อง 5 วันทำการ (วานนี้ดัชนีฯ +0.92% แรงกว่าเราคาด ส่วนหนึ่งเกิดจากหุ้นสื่อสารขึ้นแรงตามข่าวผู้ถือหุ้นใหญ่ JAS* ประกาศเทนเดอร์ฯ) ปัจจัยระยะสั้นที่น่าจะส่งผลให้ดัชนีฯ พักในวันนี้ได้แก่ 1) ดัชนีฯ ได้ฟื้นตัวใกล้ระดับสำคัญเชิงจิตวิทยาที่ 1,500 จุด 2) นักลงทุนต่างชาติ สถาบัน และพอร์ต บล. ขายสุทธิพร้อมกันเมื่อวานนี้ อาจกดดันจิตวิทยาของตลาดหุ้นเล็กน้อย และ 3) นักลงทุนส่วนหนึ่งอาจชะลอเพื่อติดตามผลประชุม ธ.กลางญี่ปุ่น (BoJ) และ ธ.กลางสหรัฐฯ (เฟด) ในวันพรุ่งนี้
ทั้งนี้ตลาดการเงินจะจับตาถ้อยแถลงของเฟดอย่างใกล้ชิด หลังจากสัญญาเฟดฟันด์ฟิวเจอร์ล่าสุดได้ลดโอกาสที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยในเดือน ธ.ค. เหลือ 40% (จาก 45% ในวันก่อนหน้า) ด้านปัจจัยภายใน นสพ. เช้านี้ลงข่าวรัฐบาลเตรียมออกมาตรการชุดใหม่ช่วยเกษตรกร และผู้มีรายได้น้อย คาดส่งผลให้หุ้นกลุ่มการบริโภคยังโดดเด่น
หุ้นเด่นวันนี้ รับความเสี่ยงได้ แนะนำเก็งกำไร SMT (เป้าพื้นฐาน 8.25 บาท), MONO (เป้า Consensus 3.82 บาท), COM7 (เป้า Consensus 10.15 บาท … เป้าสูงสุด 12 บาท)
บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ (20 ก.ย.) คาด SET Index เคลื่อนไหวผันผวนโดยช่วงเช้ายังได้ Sentiment เชิงบวกต่อเนื่องจากเมื่อวานทำให้ SET มีโอกาสขึ้นไปทดสอบดัชนีที่ 1,500 จุด อย่างไรก็ตาม ให้ระมัดระวังแรง Take Profit หลังจากที่ดัชนีปรับตัวขึ้นแรงกว่า 80 จุดในช่วง 5 วันทำการที่ผ่านมา ประกอบกับนักลงทุนเริ่มไม่มั่นใจต่อทิศทาง Fund Flow ของนักลงทุนต่างชาติหลังจากที่เมื่อวานขายสุทธิในตลาดหุ้นไทยกว่า 3,442 ล้านบาทเป็นวันแรกในรอบ 9 วันทำการ
นอกจากนี้เชื่อว่านักลงทุนจะชะลอการลงทุนเพื่อลดความเสี่ยงก่อนที่จะทราบผลประชุมของ BOJ และ FED ในช่วงวันที่ 20-21 ก.ย. หุ้นในกลุ่มสื่อสารหากวันนี้ไม่มีกระแสข่าวหรือความคืบหน้าเพิ่มเติมน่าจะมีแรงขายทำกำไรโดยเฉพาะหุ้น TRUE และ DTAC ที่ปรับตัวขึ้นแรง ส่วน JAS และ JAS-W3 คาดว่าราคาจะเคลื่อนไหวใกล้เคียงกับราคาที่ประกาศทำ Trender
ส่วนหุ้นที่ราคายัง Laggard เมื่อเทียบกับตลาดรวมอาจจะมีแรงเก็งกำไรเข้ามา อาทิ กลุ่มวัสดุก่อสร้าง (SCC, TMT, PAP) กลุ่มขนส่ง (AOT, BEM) กลุ่ม Auto ส่วนปัจจัยอื่นๆ ที่จะต้องติดตาม คือ การประชุม ครม.หากมีการอนุมัติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมจะเป็นบวกต่อ Sentiment การลงทุนในระหว่างวัน โดยการประชุมวันนี้น่าจะมุ่งเน้นไปที่การแก้ปัญหาในระบบรากหญ้าและเกษตรกรซึ่งจะเป็นผลบวกต่อหุ้นที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจรากหญ้า TK, SINGER, GCAP, MTLS และ SAWAD
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ : Selective Buy
หุ้นเก็งกำไรระยะสั้น : TWPC (ซื้อ/เป้า 10 บาท) ผลกำไรกลับสู่ทิศทางขาขึ้น
บล.แอพเพิล เวลธ์ ระบุในบทวิเคราะห์ (20 ก.ย.) ว่า ภาพรวมการซื้อขายวานนี้ได้แรงหนุนจากกลุ่ม ICT หลังจากนายพิชญ์ โพธารามิก ประกาศทำเทนเดอร์หุ้น JAS ทั้งหมดที่ราคาหุ้นละ 7.25 บาท ขณะที่ ครม.เตรียมออกมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรในการประชุม ครม. สัปดาห์หน้า
กลยุทธ์การลงทุน ยังประเมินแนวต้านดัชนี SET ที่ระดับ 1,500 +/- จุด แนะนำขายทำกำไรบางส่วนเพื่อรอความชัดเจนการประขุม FOMC และ BOJ