SETบ่ายยืนบวก-รอความชัดเจนเฟดคืนนี้แนะ 3 หุ้นเก็งกำไรเน้นงบ Q3/59 โตแกร่ง

ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงาน ตลาดหุ้นไทยดัชนี SET ภาคเช้า (21 ก.ย.) รับ Sentiment บวกหลังเห็นต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิอีกเมื่อวานนี้ ด้านตลาดภูมิภาคเช้านี้ส่วนใหญ่อยู่ในแดนบวก โดยเฉพาะตลาดหุ้นญี่ปุ่นที่บวกได้อย่างชัดเจน ขานรับผลประชุม BOJ ที่ยังใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นปัจจัยบวกให้กับตลาดฯ อย่างไรก็ดีให้ติดตามผลประชุมเฟดในคืนนี้ด้วย บ่ายนี้ตลาดฯคงยังยืนในแดนบวกได้พร้อมให้แนวต้าน 1,490-1,500 ส่วนแนวรับ 1,480 และมีจุดฟิวเตอร์ที่ 1,465 จุด

 

น.ส.อาภาภรณ์ แสวงพรรค ผู้อำนวยการบริหารฝ่ายวิจัย บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวขึ้นหลังจากที่ได้มีการ take profit เมื่อวานนี้ โดยมี Sentiment ที่ดีขึ้นหลังจากที่วานนี้นักลงทุนต่างชาติได้กลับมาซื้อสุทธิอีกครั้ง

ด้านตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ได้เริ่มกลับมาปรับตัวดีขึ้น โดยเฉพาะตลาดหุ้นญี่ปุ่นที่เห็นถึงการปรับตัวขึ้นได้อย่างชัดเจน ภายหลังจากที่ผลการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ออกมาแล้วแสดงให้เห็นว่ายังคงใช้นโยบายผ่อนคลายอย่างต่อเนื่อง ทั้งมีมติขยายฐานเงินไปจนกว่าเงินเฟ้อของประเทศจะสูงกว่าระดับ 2% และมีมติคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับติดลบ 0.1% รวมถึงมติปรับแผนซื้อพันธบัตรรัฐบาล

โดยมีเป้าหมายเพื่อสกัดการปรับตัวลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาว ซึ่งมองจากมติที่ออกมาแล้วเห็นว่าเป็นปัจจัยบวกให้กับตลาดฯได้ ส่งผลให้ตลาดภูมิภาคส่วนใหญ่อยู่ในแดนบวก ส่วนตลาดฯภูมิภาคที่ติดลบก็ได้ลดช่วงลบลง

อย่างไรก็ดี ให้ติดตามผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในคืนนี้ ซึ่งตลาดฯคาดว่าจะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในรอบนี้ แต่ก็ต้องรอดูว่าจะมีการส่งสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยออกมาเมื่อใด

ส่วนแนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่ายนี้ตลาดฯคงจะยังยืนในแดนบวกได้ โดยให้แนวต้าน 1,490-1,500 จุด ส่วนแนวรับ 1,480 จุด และมีจุดฟิวเตอร์ที่ 1,465 จุด

 

บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (21 ก.ย.) ว่า SET ปรับสูงขึ้นแรงกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ แต่ยังอยู่ในกรอบแนวต้านบริเวณ 1,470-1,500 จุด ทั้งนี้ยังมองโอกาสที่ SET จะปรับสูงขึ้นเหนือ 1,500 จุด ไม่มากเนื่องจาก 1) แนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยของ Fed ปลายปีนี้ 2) Valuation ของ SET ที่สูงกว่า 16x อย่างไรก็ดีการที่ SET สามารถยืนได้เหนือแนวรับ 1,470 จุด ทำให้ยังสามารถ Trading ได้ต่อ โดยเน้น

1) BEAUTY (ทะลุ 9.05 บาท มีโอกาสไปต่อที่ 9.50 บาท) ผลการดำเนินงานไตรมาส 3/59 เติบโตแกร่ง จากยอดขายที่ขยายตัวดีกว่าคาด

2) EA (แนวต้านระยะสั้นที่ 27.5 หรือถัดไปที่ 28 บาท) กำลังการผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้นจากทั้ง Solar Farm และ Wind Farm หนุนกำไรเติบโตเด่นในช่วงไตรมาส 3-4/59

3) CPF (แนวต้านระยะสั้นที่ 33-33.5 บาท) ราคาไก่ทรงตัวในระดับสูง ขณะที่ธุรกิจกุ้งค่อยๆ ฟื้นตัวต่อเนื่อง และธุรกิจในต่างประเทศขยายตัวหนุนกำไรไตรมาส 3/59 เติบโตแกร่งเทียบไตรมาสก่อนหน้า 

BOJ คงดอกเบี้ยที่ -0.10% ต่อไป ขณะที่ขยายฐานเงินต่อเนื่อง: การประชุม BOJ วันนี้คงอัตราดอกเบี้ย -0.10% ต่อเนื่อง และยังมีนโยบายใช้มาตรการเงินแบบผ่อนคลายต่อไปจนกว่าอัตราเงินเฟ้อจะขยับใกล้เป้าหมายที่ 2.0% นอกจาก FOMC ที่มีแนวโน้มผ่อนคลายนโยบายการเงินลดลงในการประชุม FOMC เดือน ธ.ค.นี้ แต่ธนาคารกลางญี่ปุ่น ยุโรป และอังกฤษ ยังมีแนวโน้มใช้มาตรการการเงินแบบผ่อนคลายต่อเนื่อง รวมไปถึงธนาคารกลางไทย (BOT) คาดว่าจะคงดอกเบี้ยที่ 1.50% ไปจนถึงกลางปีหน้าเป็นอย่างน้อย

 

ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่

JAS   มูลค่าการซื้อขาย 1,811.82 ล้านบาท ปิดที่   7.65 บาท เพิ่มขึ้น 0.40 บาท

TRUE  มูลค่าการซื้อขาย 1,591.93 ล้านบาท ปิดที่   7.45 บาท เพิ่มขึ้น 0.20 บาท

TPIPL มูลค่าการซื้อขาย 1,041.12 ล้านบาท ปิดที่   2.34 บาท เพิ่มขึ้น 0.10 บาท

SCB   มูลค่าการซื้อขาย   847.81 ล้านบาท ปิดที่ 154.00 บาท เพิ่มขึ้น 3.50 บาท

DTAC  มูลค่าการซื้อขาย   738.54 ล้านบาท ปิดที่  33.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท