SET ผันผวน ชง 7 หุ้นตัว TOP มีปัจจัยหนุน

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้ (26 ก.ย.) มีโอกาสรีบาวด์ได้ในระยะสั้น อย่างไรก็ตามภาพรวมยังคงผัวผวน และมีโอกาสอ่อนตัวเนื่องจากปัจจัยจากต่างประเทศเป็นลบ สำหรับหุ้นขนาดใหญ่เชื่อว่ายังคงพักตัว ขณะที่หุ้นขนาดกลาง-เล็กจะได้รับความสนใจมากขึ้น การลงทุนเน้นกลุ่มที่แนวโน้มผลประกอบการครึ่งปีหลังดี, กลุ่มที่ราคายัง Laggard หรือให้ปันผลดีเป็นหลัก


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงาน เช้านี้ ณ เวลา 9.22 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 34.64 บาทต่อเหรียญ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลงเป็นส่วนใหญ่ โดยได้รับอิทธิพลจากตลาดหุ้นญี่ปุ่นที่อ่อนตัวลงหลังเงินเยนแข็งค่า นอกจากนี้ยังได้รับแรงกดดันจากราคาน้ำมัน WTI และเบรนท์ ที่ดิ่งลงกว่า 3% เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้ (26 ก.ย.) มีโอกาสรีบาวด์ได้ในระยะสั้น อย่างไรก็ตามภาพรวมยังคงผัวผวน และมีโอกาสอ่อนตัวเนื่องจากปัจจัยจากต่างประเทศเป็นลบ สำหรับหุ้นขนาดใหญ่เชื่อว่ายังคงพักตัว ขณะที่หุ้นขนาดกลาง-เล็กจะได้รับความสนใจมากขึ้น การลงทุนเน้นกลุ่มที่แนวโน้มผลประกอบการครึ่งปีหลังดี, กลุ่มที่ราคายัง Laggard หรือให้ปันผลดีเป็นหลัก

หุ้นเด่นเลือก BEAUTY-BJC-KTC-THANI-INTUCH-IRPC และ BCH

 

บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (26 ก.ย.) ว่า การปรับลดลงของราคาน้ำมันดิบ Brent (-3.7%) เมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา จากคาดว่าการประชุมกลุ่มผู้ผลิตน้ำมัน 28 ก.ย.นี้ ยังไม่มีมาตรการใหม่เพื่อสนับสนุนราคาน้ำมันปรับสูงขึ้น และการปรับลดลงของตลาดหุ้น Dow Jones (-0.71%) จะเป็นปัจจัยกดดัน SET ไปที่แนวรับ 1,486 จุดอีกครั้ง แต่ด้วย 1) Bond Yield ที่ปรับลดลง เนื่องจากดอกเบี้ยระยะยาวยังต่ำไปอีกนาน และ 2) การทำ Window Dressing ปิดงวดไตรมาส 3/59 ทำให้ SET ยังมีโอกาสทดสอบแนวต้านระยะสั้นที่ 1,520 จุด

เนื่องจากยังมองการปรับสูงขึ้นของ SET ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ 13 ก.ย.ที่ผ่านมาเป็นเพียงการ Rebound ทำให้กลยุทธ์หลักยังเป็นเพียงการ “Trading” ด้วยเป้าหมาย 1,520 จุด ขณะที่กำหนด Trailing Stop ที่ 1,486 จุด เหมือนเดิม แนะนำ “ซื้อ” 1) การบริโภคเร่งตัว, กำไรไตรมาส 3/59 เด่น อย่าง BEAUTY BJC 2) ได้ประโยชน์ดอกเบี้ยต่ำยาว ปันผลสูง: KTC THANI (Laggard กลุ่ม Leasing ใหญ่อย่าง TISCO KKP) INTUCH (ปันผล 8.5%) 3) เข้าสู่ Seasonal High ในไตรมาส 4/59 อย่างโรงกลั่น: IRPC (ค่าการกลั่นสูงกว่า US$7/bbl ในปัจจุบัน และปันผลสูง 5.4-6.7% ในปี 2017-18)

 

บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ (26 ก.ย.) คาด SET เคลื่อนไหวผันผวนในทิศทางลงเนื่องจากตลาดยังขาดปัจจัยบวกใหม่และยังถูกกดดันจาก Sentiment เชิงลบจากการลดลงของราคาน้ำมันดิบและตลาดหุ้นต่างประเทศ นอกจากนี้ยังเชื่อว่านักลงทุนจะชะลอการลงทุนเพื่อรอผลประชุมของกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันดิบที่จะมีขึ้นในช่วงวันที่ 26-28 ก.ย.ซึ่งผลการประชุมจะมีผลต่อการเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันดิบและหุ้นในกลุ่มพลังงานของบ้านเรา

โดยวันนี้คาดหุ้นขนาดใหญ่จะยังพักตัวต่อแต่หุ้นขนาดกลางถึงเล็กจะได้รับความสนใจจากนักลงทุนมากขึ้นโดยเฉพาะกลุ่มที่คาดว่าผลประกอบการไตรมาส 3/59 จะออกมาดี อาทิ กลุ่มอาหาร CPF กลุ่มโรงพยาบาล BCH และหุ้นรายตัวอื่นๆ BEAUTY, TACC และ TKN

อย่างไรก็ตาม ในภาพของสัปดาห์ยังคาดว่าดัชนีจะยังปรับตัวขึ้นต่อเนื่องจากสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยมีปัจจัยบวกจาก Fund Flow ต่างชาติที่ยังไหลเข้าขานรับเฟดคงอัตราดอกเบี้ยและการซื้อกลับของนักลงทุนสถาบันจากการทำ Window dressing ในช่วงปิดไตรมาสหลังจากที่ก่อนหน้านี้นักลงทุนสถาบันขายสุทธิออกมาสูงกว่า 50,000 ล้านบาท (นับตั้งแต่ช่วงต้นปี)

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ : รอซื้อเมื่ออ่อนตัว / Selective Buy หุ้นที่แนวโน้มไตรมาส 3/59 เติบโตดี

หุ้นเก็งกำไรระยะสั้น : BCH (เป้า 13.50บาท) คาดกำไรสุทธิไตรมาส 3/59 โตโดดเด่นรับอานิสงส์ High Season

 

บล.แอพเพิล เวลธ์ ระบุในบทวิเคราะห์ (26 ก.ย.) ในแรงขายในช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาเป็นการขายทำกำไรหลังจากราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นรับข่าวบวกคาดเฟดยังชะลอการขึ้นดอกเบี้ยไปช่วงปลายปีนี้ ขณะที่วันนี้แนะนำให้ติดตามรายงานส่งออกไทย ส.ค. คาด -1.00 % จากช่งเดียวกันในปีก่อน และวันพรุ่งนี้การประชุม ครม. คาดจะมีการออกมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อเศรษฐกิจฐานราก

กลยุทธ์การลงทุน ยังคงวางจุด Filter แนวรับสำคัญที่ 1,480 จุด กรณียืนไม่ได้ดัชนี SET มีโอกาสอ่อนตัวลงสู่ระดับ 1,460-1,470 จุด โดยมีแนวต้าน 1,510 จุด ประเมินตลาดยังรอความชัดเจนการประชุมนอกรอบโอเปคในวันพุธนี้

Back to top button