SET บ่ายแกว่งไซด์เวย์อัพ ไร้ปัจจัยใหม่แนะ “ซื้อ” หุ้นพื้นฐานดี downside จำกัด

SET บ่ายแกว่งไซด์เวย์อัพ ไร้ปัจจัยใหม่ พร้อมให้แนวรับ 1,498-1,502 แนวต้าน 1,516-1,520 จุด แนะ "ซื้อ" หุ้นพื้นฐานดี downside จำกัด นำโดย CPALL, BEAUTY, BJC, ESSO, IRPC, TOP, HANA, KCE, SVI และ CPF


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงานตลาดหุ้นไทยดัชนี SET ภาคเช้า (5 ต.ค.) แกว่งไซด์เวย์หลังวานนี้ปรับขึ้นแรง วันนี้รับแรงขายทำกำไรที่มีออกมาบ้าง แต่ยังมีลุ้นขึ้นได้ต่อจากกองทุนในประเทศเริ่มกลับเข้ามาซื้อ ส่วนตลาดภูมิภาคเช้านี้ส่วนใหญ่แกว่งในแดนลบ บ่ายนี้คาดแกว่งไซด์เวย์อัพ พร้อมให้แนวรับ 1,498-1,502 แนวต้าน 1,516-1,520 จุด

 

นายเกียรติก้อง เดโช นักกลยุทธ์ บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้แกว่งตัวไซด์เวย์ หลังวานนี้ได้ปรับตัวขึ้นแรง ส่งผลทำให้มีแรงขายทำกำไรออกมาบ้าง แต่ยังมีโอกาสปรับตัวขึ้นได้ต่อ เนื่องจากกองทุนในประเทศเริ่มกลับเข้ามาซื้อสุทธิ หลังจากดัชนียืนเหนือ 1,500 จุด 

ส่วนตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียส่วนใหญ่เคลื่อนไหวในแดนลบ จาก Bond Yield ที่ปรับตัวขึ้น เนื่องจากนักลงทุนได้เทขายพันธบัตร หลังมีกระแสข่าวว่าธนาคารยุโรป (ECB) อาจจะปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 8 หมื่นล้านยูโร/เดือน ก่อนที่โครงการดังกล่าวจะหมดอายุในเดือน มี.ค.ปีหน้า แนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่ายนี้ ตลาดฯน่าจะแกว่งไซด์เวย์-อัพ โดยหุ้นที่หนุนตลาด คือ กลุ่มพลังงาน พร้อมให้แนวรับ 1,498-1,502 จุด แนวต้าน 1,516-1,520 จุด

 

บล.ธนชาตระบุในบทวิเคราะห์ (5 ต.ค.) ว่าSET ภาคเช้าปรับตัวบวกต่อหลังทะลุแนวต้าน 1,506 จุด ขึ้นมาได้ แม้ตลาดหุ้นกลุ่ม TIP (ไทย ฟิลิปปินส์ และ อินโดนีเซีย) จะปรับตัวลงก็ตาม อย่างไรก็ดี เรายังคงมุมมองว่า SET มี upside จำกัด และมีความเสี่ยงปรับฐานใน 1-3 เดือนข้างหน้า

จึงยังคงแนะนำแบ่งพอร์ตบางส่วนเพื่อ “Trading” และสามารถเพิ่มน้ำหนักพอร์ต “Trading” ได้ เพื่อ follow buy หลัง SET ทะลุแนวต้านขึ้นมา แต่ส่วนที่เพิ่มน้ำหนักควรมีจุด stop loss ที่ชัดเจนและเข้มงวด เน้น “เลือกซื้อ” หุ้นที่มีพื้นฐานแข็งแกร่ง มี downside จำกัด เช่น กลุ่มที่ได้ประโยชน์จากภาคบริโภคฟื้นตัว อย่าง CPALL BEAUTY BJC กลุ่มโรงกลั่นที่ค่าการกลั่นปรับตัวขึ้นแรง เช่น ESSO IRPC TOP และกลุ่มหุ้นที่ได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทอ่อน (นับตั้งแต่ปี 2553 ถึง 2558 ค่าเงินบาทอ่อนตัว ทุกเดือน พ.ย.) อย่าง HANA KCE SVI และ CPF

ในขณะเดียวกันแนะนำ “เลือกซื้อ” SVI คาดกำไรฟื้นตัวในครึ่งปีหลังปีนี้ ต่อเนื่องไปปี 2560 จาก 1) ปัญหาคอขวด ในส่วนเครื่อง QC ใหม่ แก้เสร็จหมดแล้ว คาดบริษัทจะค่อยๆเพิ่มอัตราการใช้กำลังการผลิตให้กลับไปสูงกว่า 70% อีกครั้งใน ครึ่งปีหลังปีนี้ 2) ธุรกิจในยุโรปที่ซื้อเข้ามาตั้งแต่ต้นปี จะช่วยเสริมการเติบโตของกำไร 3) ระดับเงินสดสูง กว่า 1 บาท/หุ้น ช่วยจำกัด downside 4) ได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทที่มีแนวโน้มอ่อนค่าลง และ 5) มีเป้าหมายทางเทคนิค ที่ 5.15 บาท (ทางพื้นฐานที่ 5.7 บาท)

 

สรุป 5 หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดภาคเช้า  

BANPU มูลค่าการซื้อขาย 1,428.06 ล้านบาท ปิดที่  16.80 บาท เพิ่มขึ้น  0.60 บาท

BCPG มูลค่าการซื้อขาย 1,338.42 ล้านบาท ปิดที่  12.50 บาท เพิ่มขึ้น  0.40 บาท

SCB มูลค่าการซื้อขาย 1,245.04 ล้านบาท ปิดที่ 152.00 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง

KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,072.27 ล้านบาท ปิดที่ 193.00 บาท  ลดลง  2.00 บาท

KKP มูลค่าการซื้อขาย   558.34 ล้านบาท ปิดที่  58.50 บาท เพิ่มขึ้น  1.75 บาท

 

 

Back to top button