SET เสี่ยงรูดตามภูมิภาค-หวั่นเฟดขึ้นดบ.จัดเต็ม 21 หุ้นดาวเด่นมีประเด็นบวกเพียบ

นักวิเคราะห์มองดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้มีโอกาสเคลื่อนไหวผันผวนในทิศทางลงตามตลาดหุ้นภูมิภาคจากกระแสความวิตกกังวลว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยกดดันให้ Fund Flow จากต่างชาติไหลออกเป็นลบต่อหุ้นในกลุ่ม Big Cap โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจน้ำมัน กลยุทธ์วันนี้เน้นกลุ่มหุ้นได้ประโยชน์จากการบริโภคฟื้นตัว ,หุ้นที่ได้ประโยชน์ค่าเงินบาทอ่อน และกลุ่มรับเหมาฯ


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงาน เช้านี้ ณ เวลา 9.15 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 35.02 บาทต่อเหรียญ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลงในเช้าวันนี้ตามทิศทางของตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดลบเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา เนื่องจากนักลงทุนมองว่าตัวเลขจ้างงานเดือน ก.ย. ไม่ได้ต่ำมากเกินไปจนทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

นักวิเคราะห์มองดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้มีโอกาสเคลื่อนไหวผันผวนในทิศทางลงตามตลาดหุ้นภูมิภาคจากกระแสความวิตกกังวลว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยกดดันให้ Fund Flow จากต่างชาติไหลออกเป็นลบต่อหุ้นในกลุ่ม Big Cap โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจน้ำมัน กลยุทธ์วันนี้เน้นกลุ่มหุ้นได้ประโยชน์จากการบริโภคฟื้นตัว ,หุ้นที่ได้ประโยชน์ค่าเงินบาทอ่อน และกลุ่มรับเหมาฯ

หุ้นเด่นเลือก  BEAUTY, BJC, CPALL ,HANA ,KCE ,SVI ,CPF ,CK ,STEC ,UNIQ, TACC, TKN, JMT, TWPC, SMPC KCE, MINT ,BDMS ,TRC ,JASIF และDIF

 

บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (10 ต.ค.) โดยคาด SET ยังผัวผวนตลอดสัปดาห์นี้ จาก 1) ตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ ส่วนใหญ่ที่ประกาศในสัปดาห์ที่แล้ว แสดงสัญญาณการกลับมาฟื้นตัวแข็งแรง (จากเดือนก่อนหน้าที่การฟื้นตัวแผ่วลง) ส่งผลให้ประธาน Fed สาขาต่างๆ เริ่มแสดงท่าทีว่า Fed ควรรีบขึ้นดอกเบี้ย 2) การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เริ่มใกล้เข้ามามากขึ้น โดยมีการโต้วาทีรอบที่ 2 ในเช้าวันนี้ 3) Valuation ของ SET อยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูง ด้วย PE 16.3x และ Earning yield gap ที่ 4% ขณะเดียวกันนักลงทุนต่างชาติก็เริ่มหยุดการซื้อหุ้นไทยแล้ว หลังจากซื้อต่อเนื่อง 4 เดือน ยังคงแนะนำแบ่งพอร์ตเพื่อ “Trading” เท่านั้น และมอง SET มีโอกาส “พักฐาน” ในระยะ 1-3 เดือน

แนะนำ “Trading” โดยมีจุดแบ่ง stop loss จุดแรก ที่ 1,505 จุด และ stop loss ที่เหลือหาก SET ปรับตัวต่ำกว่า 1,495 จุด เน้นกลุ่มหุ้น 1) ได้ประโยชน์จากการบริโภคฟื้นตัวอย่าง BEAUTY, BJC, CPALL 2) หุ้นที่ได้ประโยชน์ค่าเงินบาทอ่อน เช่น HANA ,KCE ,SVI และ CPF โดย 4) กลุ่มรับเหมาฯ จากโครงการลงทุนภาครัฐฯจำนวนมาก ใกล้เปิดประมูล เช่น CK ,STEC ,UNIQ

 

บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ (10 ต.ค.) โดยมองแนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้จะเคลื่อนไหวผันผวนในทิศทางลงจากกระแสความวิตกกังวลว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยกดดันให้ Fund Flow จากต่างชาติไหลออกเป็นลบต่อหุ้นในกลุ่ม Big Cap โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจน้ำมันซึ่งสัปดาห์นี้มีโอกาสพักฐานหรือปรับฐานหลังจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกเริ่มชะลอตัวเนื่องจากไม่มีปัจจัยบวกใหม่เข้ามาหนุนนำ  หุ้นในกลุ่มธนาคารสัปดาห์นี้จะทยอยประกาศงบไตรมาส 3/59 โดยเริ่มจากวันนี้ คือ TISCO ซึ่งตลาดส่วนใหญ่คาดว่าจะออกมาดี ดังนั้นหากผลประกอบการออกมาแย่หรือต่ำกว่าที่คาดไว้จะเป็นลบต่อ TISCO และ Sentiment การลงทุนของหุ้นธนาคารอื่นๆที่จะทยอยประกาศงบออกมาในช่วงสัปดาห์หน้า

ขณะที่เช้าวันนี้ต้องติดตามผลการดีเบตเพื่อชิงประธานาธิบดีสหรัฐครั้งที่ 2 ระหว่างนาง ฮิลราลี คลินตัน และนายโดนัล ทรัมป์ หากนาง คลินตัน เป็นฝ่ายชนะจะเป็นบวกต่อตลาดหุ้นแต่คาดว่าจะไม่มากเนื่องจากอยู่ในความคาดหมายของตลาดอยู่แล้ว ตรงกันข้ามหากทรัมป์ชนะจะเป็นลบต่อตลาดหุ้น ดังนั้นเพื่อลดความเสี่ยงจากความผันผวนในตลาดจึงแนะนำให้นักลงทุน Wait & See และรอเข้าซื้อเมื่อดัชนีอ่อนตัว โดยเน้นกลุ่มที่แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 3/59 ออกมาดี (BEAUTY, TACC, TKN, JMT, TWPC, SMPC) และกลุ่มที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว อาทิ กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ (KCE) ท่องเที่ยว (MINT) และโรงพยาบาล (BDMS) ซึ่งเป็นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากแนวโน้มของค่าเงินบาทที่จะอ่อนค่าหากเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

 

บล.แอพเพิล เวลธ์ ระบุในบทวิเคราะห์ (10 ต.ค.) กลยุทธ์การลงทุน กรณีดัชนีไม่สามารถยืนได้บริเวณ 1,500 จุด ประเมินดัชนีมีโอกาสปรับฐานลงสู่ระดับ 1,467 – 1,480 จุด แนะนำทยอยซื้อหุ้นพื้นฐานดี กรณีปรับฐานลงมา

 

บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (10 ต.ค.) โดยคาด SET วันจันทร์แกว่งตัวลง ค่าเงินบาที่อ่อนค่า 0.22% เช้านี้ ผนวกกับสัญญาณจากนักลงทุนต่างชาติที่กลับมาขายสุทธิเมื่อวันศุกร์และราคาน้ำมัน WTi ที่ปรับฐานลง 2% น่าจะกดดันจิตวิทยาของตลาดในระดับหนึ่ง

ด้านปัจจัยภายนอกเป็นกลาง สหรัฐรายงานตัวเลขจ้างงานก.ย.+1.56 แสนคน ต่ำกว่าที่ตลาดคาดที่ 1.76 แสนคน ขณะที่อัตราว่างงานสหรัฐเพิ่มขึ้นสู่ 5% ส่งผลให้สัญญาเฟดฟันด์ฟิวเจอร์เลื่อนการขึ้นดอกเบี้ยจาก พ.ย.ไปเป็นธ.ค.ค่อนข้างแน่นอนแล้ว ด้านปัจจัยภายในหุ้นธนาคารพาณิชย์จะเริ่มรายงานงบไตรมาส 3/59 ในสัปดาห์นี้ ขณะที่ภาพรวมดัชนียังคงมองอัพไซด์จำกัด และเน้นหุ้นขนาดกลางที่งบโดดเด่น พลิกฟื้นชัดเจน ปันผลสูงเป็นต้น

หุ้นเด่นวันนี้ตามปัจจัยพื้นฐาน รับความเสี่ยงได้เก็งกำไร TRC กลัวความเสี่ยงเน้นปันผล JASIF ,DIF

Back to top button