SET บ่ายแกว่งขึ้น เก็งประกาศงบไตรมาส 3แนะกลุ่มหุ้น Outperform ตลาดช่วงปลายปี
SET บ่ายแกว่งขึ้น เก็งประกาศงบไตรมาส 3 พร้อมให้แนวรับ 1,470 จุด แนวต้าน 1,485 จุด แนะกลุ่มหุ้น Outperform ตลาดช่วงปลายปี นำโดย BJC, CPALL, IRPC และ EA
ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงานตลาดหุ้นไทยดัชนี SET ภาคเช้า (17 ต.ค.) แกว่งผันผวน โดยช่วงเปิดตลาดภาคเช้าปรับตัวลงรับแรงขายทำกำไรหลังดัชนีปรับตัวขึ้นแรงในวันศุกร์ที่ผ่านมา ก่อนจะพลิกมาเป็นบวกได้บางช่วงตามแรงซื้อกลับ แต่แรงขายที่ยังมีออกมาฉุดให้หุ้นไทยปิดพักเที่ยงในแดนลบ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียช่วงเช้าที่ผ่านมาดัชนีเคลื่อนไหวบวกและลบสลับกัน ส่วนแนวโน้มตลาดหุ้นไทยในช่วงบ่ายคาดว่ายังมีทิศทางแกว่งขึ้นจากแรงซื้อและเก็งงบไตรมาส 3/59 ของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ที่จะทยอยประกาศออกมา พร้อมให้แนวรับ 1,470 จุด แนวต้าน 1,485 จุด
นายธีรวุฒิ กานต์นิภากุล ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยในช่วงเช้าที่ผ่านมาแกว่งตัวผันผวน โดยตอนช่วงต้นเปิดตลาดภาคเช้ามีแรงขายออกมาค่อนข้างมาก หลังจากเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาดัชนีดีดตัวขึ้นแรง แต่ในช่วงท้ายตลาดภาคเช้ามีแรงซื้อกลับมามากขึ้น ทำให้ดัชนีในช่วงท้ายตลาดภาคเช้ากลับมาเป็นบวกได้ในบางช่วง
ส่วนตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเคลื่อนไหวทั้งในแดนบวกและลบสลับกัน ซึ่งเป็นผลกระทบจากปัจจัยภายในและภายนอก ขณะที่ยังต้องติดตามปัจจัยในสัปดาห์หน้า คือ การดีเบตระหว่างนางฮิลลารี คลินตัน และนายโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ ซึ่งเป็นการดีเบตครั้งสุดท้าย
แนวโน้มตลาดหุ้นไทยในช่วงบ่ายคาดว่า ทิศทางของดัชนียังเป็นแนวโน้มของการแกว่งขึ้นหลังจากที่ในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับตัวลดลงไปค่อนข้างมาก อีกทั้งการเข้าซื้อเก็งผลการดำเนินงานไตรมาส 3/59 ของหุ้นกลุ่มอื่นหลังจากที่กลุ่มธนาคารพาณิชย์ทยอยประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 3/59 เกือบหมดแล้ว ซึ่งปัจจัยดังกล่าวยังเป็นแรงหนุนที่ทำให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับขึ้นต่อได้ พร้อมให้แนวรับ 1,470 จุด แนวต้าน 1,485 จุด
บล.ธนชาตระบุในบทวิเคราะห์ (17 ต.ค.) ว่าSET ภาคเช้า ปรับลดลงตั้งแต่เปิดตลาด จากแรงขายทำกำไรหลังหุ้นขนาดใหญ่ปรับสูงขึ้นแรงในช่วงปลายสัปดาห์ก่อน ประกอบกับ NPL ธนาคารขนาดใหญ่ที่ยังเพิ่มขึ้น ล่าสุดแม้ KBANK ประกาศกำไร ไตรมาส 3/59 ที่ 1.09 หมื่นล้าบาท +7% ในช่วงเดียวกันของปีก่อน และ +14% ในช่วงเดียวกันของไตรมาสก่อน ใกล้เคียงกับที่คาดการณ์ไว้ แต่ด้วย NPL ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว 8.2 พันล้านบาท ในไตรมาส 3/59 และ NPL Ratio ที่ปรับสูงขึ้นมาที่ 3.4% (เพิ่มขึ้นจาก 2.89% ใน ไตรมาส 2/59 และ 2.6% ในช่วงเดียวกันของปีก่อน) เป็นปัจจัยกดดันกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่ตลอดเช้าวันนี้ ประเมินกรอบเคลื่อนไหว SET ระยะสั้นที่ 1,460-1,520 จุด
ในขณะเดียวกัน แนะนำ “Selective” กลุ่มหุ้นที่คาดการณ์ผลการดำเนินงานไตรมาส3-4/59 ออกมาดี ซึ่งเป็นกลุ่มหุ้นที่คาดว่าจะ Outperform ตลาดในช่วงปลายปีนี้ ได้แก่
1.BJC เป้าหมายพื้นฐาน 55 บาท ผลการดำเนินงาน ไตรมาส 3/59 จะรับรู้รายได้จาก BIGC เข้ามาเต็มไตรมาสเป็นครั้งแรก และผลจากการลดหนี้ และ Refinance จะเห็นเริ่มรับรู้ได้ในผลการดำเนินงานไตรมาส 4/59
2.CPALL เป้าหมายพื้นฐาน 75 บาท สินค้าอุปโภคบริโภค ที่เป็น Small-ticket items ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจที่อาจขยายตัวน้อยกว่าคาดจำกัด ขณะที่ยังมีการขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง หนุนกำไร +20-25% ในปี 59-60
3.IRPC เป้าหมายพื้นฐาน 6.80 บาท ส่วนต่างผลิตภัณฑ์ปิโตร-วัตถุดิบยังอยู่ในระดับสูง ขณะที่ค่าการกลั่นมีแนวโน้มสูงขึ้นใน ไตรมาส 4/59 ซึ่งเป็นช่วงฤดูหนาว และได้รับผลดีจากการ Upgrade โรงกลั่น (UHV) ตั้งแต่ ก.ค.นี้
4.EA เป้าหมายพื้นฐาน 32 บาท กำลังการผลิตไฟฟ้าแสงอาทิตย์ที่เพิ่มขึ้น 90MW ตั้งแต่ไตรมาส 2/59 จะเป็นปัจจัยหนุนกำไรในช่วงครึ่งปีหลังปีนี้ขณะที่โรงไฟฟ้าพลังงานลมที่จะเข้ามาในไตรมาส 4/59 จะเป็นปัจจัยหนุนผลการดำเนินงานปี 2560 +30% ที่ 5.1 พันล้านบาท
สรุป 5 หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดภาคเช้า
KBANK มูลค่าการซื้อขาย 4,120.12 ล้านบาท ปิดที่ 180.00 บาท ลดลง 9.50 บาท
BCPG มูลค่าการซื้อขาย 2,605.16 ล้านบาท ปิดที่ 13.90 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง
BANPU มูลค่าการซื้อขาย 2,324.90 ล้านบาท ปิดที่ 17.90 บาท เพิ่มขึ้น 0.60 บาท
PTT มูลค่าการซื้อขาย 1,061.02 ล้านบาท ปิดที่ 354.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท
CPALL มูลค่าการซื้อขาย 874.33 ล้านบาท ปิดที่ 61.25 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง