SET บ่ายยืนลบ ติดตามประกาศงบ Q3ชู 12 หุ้นเด็ด ผลการดำเนินงานโตแกร่ง

SET บ่ายยืนลบ แนะติดตามบจ.ประกาศงบ Q3 พร้อมให้แนวรับ 1,465 แนวต้าน 1,480 จุด ชู 12 หุ้นเด็ด ผลการดำเนินงานโตแกร่ง นำโดย BJC, CPALL, IRPC, CPF, EA, AJD, INTUCH, ADVANC, KKP, DIF, CK และ SEAFCO


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงานตลาดหุ้นไทยดัชนี SET ภาคเช้า (18 ต.ค.) ค่อนข้างเงียบเหงา และดูอ่อนกว่าตลาดภูมิภาคที่ส่วนใหญ่จะอยู่ในแดนบวกเล็กน้อย พร้อมให้ติดตามการทยอยประกาศงบฯ Q3/59 และติดตามทิศทางการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ หลังรองประธานเฟดออกมาให้สัญญาณว่า อัตราดอกเบี้ยต่ำสามารถนำไปสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่รุนแรง และยาวนาน พร้อมให้ติดตามตลาดตราสารหนี้จะหวั่นไหวขนาดไหน บ่ายนี้ตลาดฯคงจะยังซึม พร้อมให้แนวรับ 1,465 แนวต้าน 1,480 จุด

 

นายชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.บัวหลวง เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ค่อนข้างเงียบเหงากว่าตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชีย และยังดูอ่อนกว่าตลาดภูมิภาคที่ส่วนใหญ่จะอยู่ในแดนบวกเล็กน้อย

อย่างไรก็ดี ให้ติดตามการทยอยประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนงวดไตรมาส 3/59 ซึ่งผลประกอบการของ KBANK ออกมาสร้างความผิดหวังให้กับนักลงทุน ทำให้เกิดแรงขายออกมาเมื่อวานนี้

ด้านปัจจัยจากนอกประเทศ เมื่อวานนี้นายสแตนลีย์ ฟิสเชอร์ รองประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ให้สัญญาณว่า อัตราดอกเบี้ยต่ำสามารถนำไปสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่รุนแรง และยาวนาน และทำให้เศรษฐกิจมีความเปราะบางมากขึ้น ซึ่งทำให้ตลาดฯมีความกังวลเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในระยะสั้น แต่ตลาดฯก็ไม่ได้ให้น้ำหนักที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือพ.ย. ซึ่งน้ำหนักยังอยู่ที่เดือนธ.ค.มากกว่า นอกจากนี้ ให้จับตาตลาดตราสารหนี้ว่าจะหวั่นไหวขนาดไหน เพราะขณะนี้เทรดเปราะบาง ถ้าหวั่นไหวมากก็อาจจะส่งผลมาถึงตลาดหุ้นได้ แต่เชื่อว่าบ้านเราคงจะไม่มีอะไร ประเด็นจะไปอยู่ที่ตลาดต่างประเทศมากกว่า

แนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่ายนี้ ตลาดฯคงจะยังซึม ซึ่งบ้านเราวันนี้แกว่งตัวน้อยกว่าตลาดในอาเซียนที่ปรับตัวขึ้นไปราว 0.5-1% แต่ของเราติดลบ พร้อมให้แนวรับ 1,465 จุด ส่วนแนวต้าน 1,480 จุด

 

บล.ธนชาตระบุในบทวิเคราะห์ (18 ต.ค.) ว่าSET ภาคเช้า เคลื่อนไหวในกรอบ 1,460-1,480 จุด เพื่อเป็นการสร้างฐาน หลัง “ผันผวน” แรงในสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่ยังลุ้นการปรับสูงขึ้นระยะสัปดาห์ไปที่ 1,520 จุด อิง Earnings Yield Gap ปี 2017 ที่ 4.1% เหมือนเดิม โดยยังเน้น 1) กลุ่มหุ้นที่ผลการดำเนินงานเติบโตสูง อย่าง BJC CPALL IRPC CPF และ EA รวมไปถึง “เก็งกำไร” AJD 2) อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูง INTUCH ADVANC KKP DIF และ 3) ได้รับผลดีจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน CK SEAFCO

โดยการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ยังเป็นปัจจัยหลักที่หนุนการขยายตัวเศรษฐกิจในปี 59-60 และคาดว่ารัฐบาลจะเร่งลงทุนต่อเนื่องในช่วงปลายปีนี้-ปีหน้า ไม่ว่าจะเป็น 1) โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ชมพู และเหลืองที่จะยื่นซองประมูลภายในสิ้นปีนี้ 2) รถไฟรางคู่ 3 เส้นทาง ประกาศ TOR มูลค่ารวม 7.5 หมื่นล้านบาท

ในขณะเดียวกันแนะนำ ซื้อ” CK (พื้นฐาน 38 บาท และแนวต้านระยะสั้นที่ 30.0 บาท) และ SEAFCOเป็น Top Picks ในกลุ่มรับเหมาฯ โดยเฉพาะ CK ที่ได้ประโยชน์มากที่สุดในรอบการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน เนื่องจากได้รับผลดีจากรายได้การก่อสร้าง และยังได้รับกระแสเงินสดระยะยาวจากการบริหารงานต่อเนื่องในระยะยาว ผ่านบริษัทลูกอย่าง BEMที่มีโอกาสเข้าไปบริหารรถไฟฟ้าสายต่างๆ ในอนาคต

 

สรุป 5 หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดภาคเช้า  

KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,884.16 ล้านบาท ปิดที่ 177.00 บาท ลดลง 2.50 บาท         

BANPU มูลค่าการซื้อขาย 1,876.10 ล้านบาท ปิดที่ 18.40 บาท ลดลง 0.10 บาท         

BCPG มูลค่าการซื้อขาย 1,183.55 ล้านบาท ปิดที่ 13.70 บาท ลดลง 0.20 บาท         

AOT  มูลค่าการซื้อขาย 1,089.68 ล้านบาท ปิดที่ 385.00 บาท ลดลง 6.00 บาท

IRPC  มูลค่าการซื้อขาย   948.59 ล้านบาท ปิดที่  4.80 บาท ลดลง 0.08 บาท

 

Back to top button