เปิดลิสต์ 18 บจ.ครึ่งปีหลังกำไรโต-ปันผลดีSET ลุ้นแรงหนุนหุ้นพลังงานดันผ่าน 1,480

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยยังเคลื่อนไหวในกรอบจำกัด เนื่องจากไร้ปัจจัยใหม่หนุน ขณะที่เชื่อว่าจะมีแรงขายหุ้นในกลุ่มธนาคาร อย่างไรก็ตาม ยังมีโอกาสปรับตัวขึ้นผ่านแนวต้านที่ 1,480 จุด จากแรงหนุนของหุ้นในกลุ่มพลังงานหลังราคาน้ำมันปรับตัวขึ้น เหนือระดับ 50$/bbl และมีแนวต้านถัดไปอยู่ที่ 1,500 จุด แต่หากดัชนีเลือกปรับฐานลง แนะนำลดพอร์ตเพื่อรอซื้อกลับช่วงอ่อนตัว การลงทุนยังคงแนะนำกลุ่มที่แนวโน้มกำไรครึ่งปีหลังดี และมีปันผลเป็นกลุ่มหลัก


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงาน เช้านี้ ณ เวลา 9.18 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 34.88 บาทต่อเหรียญ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้น รับมุมมองบวกต่อเศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มแข็งแกร่งเพียงพอที่จะรับมือกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (FED)

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยยังเคลื่อนไหวในกรอบจำกัด เนื่องจากไร้ปัจจัยใหม่หนุน ขณะที่เชื่อว่าจะมีแรงขายหุ้นในกลุ่มธนาคาร อย่างไรก็ตาม ยังมีโอกาสปรับตัวขึ้นผ่านแนวต้านที่ 1,480 จุด จากแรงหนุนของหุ้นในกลุ่มพลังงานหลังราคาน้ำมันปรับตัวขึ้น เหนือระดับ 50$/bbl และมีแนวต้านถัดไปอยู่ที่ 1,500 จุด แต่หากดัชนีเลือกปรับฐานลง แนะนำลดพอร์ตเพื่อรอซื้อกลับช่วงอ่อนตัว การลงทุนยังคงแนะนำกลุ่มที่แนวโน้มกำไรครึ่งปีหลังดี และมีปันผลเป็นกลุ่มหลัก

หุ้นเด่นเลือก EA-BJC-CPALL-CPF-IRPC-INTUCH-ADVANC-DIF-KKP-CK-SEAFCO-GFPT-BEAUTY-TACC-TKN-JMT-TWPC และ TOP

 

บล.แอพเพิล เวลธ์ ระบุในบทวิเคราะห์ (19 ต.ค.) ภาวะการซื้อขายยังไร้ปัจจัยบวกใหม่เข้าหนุนบรรยากาศการซื้อขาย ขณะที่ SCB รายงานกำไรไตรมาส 3/59 ต่ำกว่าคาดการณ์ประมาณ 4% ส่วน TMB มีการตัดขาย NPL แต่ภาพรวมผลประกอบการยังอ่อนตัว ช่วงเช้านี้ติดตามจีนรายงาน GDP ไตรมาส 3/59 คาดที่ระดับ 6.7% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน กลยุทธ์การลงทุน ดัชนี SET ยังแกว่งตัวในกรอบจำกัดบริเวณ 1,460 – 1,480 จุด โดยแนะนำลงทุนในลักษณะ Trend Follow โดยหากเลือกปรับขึ้นจะมีแนวต้านที่บริเวณ 1,500 จุด แต่หากดัชนีเลือกปรับฐานลง แนะนำลดพอร์ตเพื่อรอซื้อกลับช่วงอ่อนตัว

 

บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (19 ต.ค.) ว่า แรงขายหุ้นกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่จากความกังวลต่อ NPL ที่ยังเร่งตัวขึ้น ทำให้การปรับสูงขึ้นของ SET “จำกัด” วันนี้ แม้ดัชนี Dow Jones ปรับสูงขึ้น +0.42% เมื่อคืนนี้ หลังผลการดำเนินงานบริษัทจดทะเบียนออกมาดี และราคาน้ำมันปรับสูงขึ้น ประเมินกรอบเคลื่อนไหวที่ 1,460 – 1,480 จุด วันนี้ ขณะที่ระยะสัปดาห์ยังลุ้นการ Breakout แนวต้าน 1,480 (ค่าเฉลี่ย 1 เดือน) ไปที่บริเวณ 1,510 – 1,520 จุด คาดรัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นการบริโภคเพิ่มปลายปีนี้ และเปิดประมูลลงทุนโครงสร้างพื้นฐานตามแผนเดิม

แนะนำกลยุทธ์ “Selective” ต่อเนื่อง โดยเฉพาะ 1) กำไรเติบโตดี : BJC CPALL CPF EA IRPC 2) เงินปันผลสูง : INTUCH ADVANC DIF KKP 3) ผลดีการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน : CK SEAFCO

โดยเฉพาะ EA มีแรงซื้อเด่นวานนี้ และมีปัจจัยบวกจาก 1) ธุรกิจไฟฟ้ามีรายได้มั่นคง 2) การ Refinance หุ้นกู้ 8 พันล้าน ดอกเบี้ย 2.3% (เดิมดอกเบี้ย 4.8%) หนุนกำไรดีขึ้น 3) กำไรไตรมาส 3/59 เทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อนโตเด่น จากกำลังการผลิตไฟฟ้า Solar เพิ่ม 90MW ที่พิษณุโลก และ 4) โรงไฟฟ้าพลังงานลม หาดกังหัน 126MW เริ่มผลิตไฟฟ้าไตรมาส 4/59 หนุนกำไรโตต่อเนื่อง 30% ปีหน้า ด้วย PEG ต่ำกว่า 1 เท่า

 

บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ (19 ต.ค.) คาด SET Index เคลื่อนไหวผันผวนในทิศทางขึ้น โดยมีกลุ่มพลังงานเป็นกลุ่มนำตลาดอาทิ กลุ่มธุรกิจน้ำมัน (PTT, PTTEP) และโรงกลั่น (TOP, SPRC, IRPC, ESSO) ซึ่งได้อานิสงส์จากราคาน้ำมันดิบที่กลับมาเพิ่มขึ้นเหนือระดับ 50$/bbl ขานรับข่าวเลขาธิการกลุ่มโอเปคออกมาให้คำมั่นว่าจะปรับลดกำลังการผลิตในการประชุมที่จะมีขึ้นในเดือน พ.ย.

อย่างไรก็ตาม คาดดัชนีจะเพิ่มขึ้นได้ไม่มากเนื่องจากหุ้นกลุ่มธนาคารยังถูกกดดันจากแรงขายของต่างชาติเนื่องจากไม่มั่นใจต่อแนวโน้มผลประกอบการในปีหน้าหลังจากที่ KBANK ออกมาส่งสัญญาณว่าการตั้งสำรองหนี้สูญในปีต่อไปอาจจะมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ อย่างไรก็ตามหากหุ้นในกลุ่มธนาคารยังลดลงแรงอีกในวันนี้จะเป็นโอกาสในการเข้าซื้อสะสมรอบใหม่เนื่องจากราคาปรับลดลงจนมี downside จำกัด และให้ Dividend yield ที่น่าสนใจอาทิ BBL SCB และ KTB ซึ่งให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลเฉลี่ย 4% ต่อปี

หุ้นขนาดกลางขนาดเล็กที่พักตัวในช่วง 1-2 วันที่ผ่านมาจะกลับมาเป็นที่สนใจจากนักลงทุนมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มที่แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 3/59 ออกมาดี อาทิ CPF, CPALL, GFPT, BEAUTY, TACC, TKN, JMT และ TWPC อย่างไรก็ตาม นักลงทุนต้องติดตามรายงานตัวเลข GDP ไตรมาส 3/59 ของจีนที่จะออกมาในช่วงเช้าของวันนี้หากออกมาต่ำกว่าที่ตลาดคาดอาจจะส่งผลลบต่อ Sentiment การลงทุนต่อตลาดหุ้นภูมิภาคและตลาดหุ้นบ้านเราได้ (ตลาดคาด +6.6%)

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ : Selective Buy

หุ้นเก็งกำไรระยะสั้น : TOP (ซื้อ/เป้า 80) ราคายัง Laggard หากเทียบกับ ESSO และ SPRC ที่ปรับตัวขึ้นแรง

Back to top button