ส่อง 7 หุ้นร้อนกำไรโต SET ทรงตัวในกรอบจำกัด
นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยทรงตัวในกรอบจำกัด เนื่องจากตลาดยังไม่มีปัจจัยบวกใหม่หนุน ประกอบกับนักลงทุนจะชะลอการลงทุนเพื่อลดความเสี่ยงก่อนเข้าสู่ช่วงวันหยุดยาว ขณะที่ราคาน้ำมันดิบที่อ่อนตัวเป็นปัจจัยกดดันหุ้นในกลุ่มพลังงาน การลงทุนยังคงเน้นกลุ่มที่แนวโน้มกำไรครึ่งปีหลังดีต่อเนื่อง
ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์ รายงาน เช้านี้ ณ เวลา 9.16 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 35.14 บาทต่อเหรียญ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลง โดยได้รับแรงกดดันจากราคาน้ำมัน WTI ที่ปิดร่วงลงเมื่อคืน เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังราคาน้ำมันพุ่งขึ้นติดต่อกัน 2 วันทำการ อีกทั้งยังได้รับปัจจัยถ่วงจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ส่วนตลาดหุ้นญี่ปุ่นบวกขานรับนายมาริโอ ดรากี ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) ส่งสัญญาณว่า ECB อาจจะขยายระยะเวลาของมาตรการผ่อยคลายเชิงปริมาณ (QE) ออกไปอีก
นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยทรงตัวในกรอบจำกัด เนื่องจากตลาดยังไม่มีปัจจัยบวกใหม่หนุน ประกอบกับนักลงทุนจะชะลอการลงทุนเพื่อลดความเสี่ยงก่อนเข้าสู่ช่วงวันหยุดยาว ขณะที่ราคาน้ำมันดิบที่อ่อนตัวเป็นปัจจัยกดดันหุ้นในกลุ่มพลังงาน การลงทุนยังคงเน้นกลุ่มที่แนวโน้มกำไรครึ่งปีหลังดีต่อเนื่อง หุ้นเด่นเลือก THAI-BJC-BEAUTY-EA-KTC-KKP และ KCE
บล.แอพเพิล เวลธ์ ระบุในบทวิเคราะห์ (21 ต.ค.) ประเมินดัชนี SET ยังแกว่งตัวในกรอบ 1,480 – 1,500 จุด โดยคาดยังมีแรงกดดันจากกลุ่มธนาคารจากประเด็นการกันสำรองเพิ่มขึ้นในปีหน้า จึงให้น้ำหนักเพียงเก็งกำไรระยะสั้นตามกรอบการลงทุน
บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (21 ต.ค.) ว่า แม้การแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ฯ จะกดดันราคาน้ำมันดิบ Brent -2.4% เมื่อคืนที่ผ่านมา และคาดว่าจะเป็นปัจจัยกดดันหุ้นกลุ่มพลังงานวันนี้ อย่างไรก็ตาม ด้วย 1) แนวโน้มดอกเบี้ยในประเทศต่ำยาวนานกว่าที่คาดไว้เดิม โดยมองดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.50% ตลอดปี 2559 2) สภาพคล่องในประเทศสูง จากการเกินดุลบัญชีเดินสะพัดอย่างต่อเนื่อง กว่า US$3.3 หมื่นล้านในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมา และ 3) คาดรัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มในช่วงปลายปีนี้-ต้นปีหน้า จะเป็นปัจจัยหนุน SET ปรับสูงขึ้นไปปิด Gap ทางเทคนิคที่ 1,500 จุด หรือจุดสูงสุดเดิมที่ 1,520 จุด
แนะนำ “ซื้อ” กลุ่มหุ้นที่คาดการณ์กำไรไตรมาส 3/59 แข็งแกร่ง ได้แก่ : BJC (รวมกำไรของ BIGC เข้ามาเต็มไตรมาสเป็นครั้งแรก และเริ่มรับรู้ผลของหนี้ และดอกเบี้ยเงินกู้ที่ลดลง) CPALL (Same Store Sale โตดี ขยายสาขาเร่งตัวขึ้น) BEAUTY (ยอดขายขยายตัวได้ดี) EA (กำลังการผลิตไฟฟ้า Solar 90MW หนุนกำไรครึ่งปีหลัง 2559 โตเด่น) KTC (กำไรไตรมาส 3/59 ดีกว่าคาด ต้นทุนการเงินลด) KKP (กำไรไตรมาส 3/59 ดีกว่าคาด มี Upside Risk ต่อประมาณการกำไรทั้งปี) KCE (คาด Recorded Profit อีกครั้งในไตรมาส 3/59)
บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ (21 ต.ค.) คาด SETจะเคลื่อนไหวผันผวนในกรอบจำกัด เนื่องจากตลาดยังไม่มีปัจจัยบวกใหม่หนุนนำ ประกอบกับนักลงทุนจะชะลอการลงทุนเพื่อลดความเสี่ยงก่อนเข้าสู่ช่วงวันหยุดยาวในวันปิยมหาราช หุ้นในกลุ่มธุรกิจน้ำมันอาจจะปรับตัวลงตามทิศทางราคาน้ำมันดิบที่กลับมาหดตัว แต่ถูกชดเชยด้วยกลุ่มถ่านหิน(BANPU, LANNA, UMS) ที่ยังได้ผลบวกจากราคาถ่านหินที่ยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยล่าสุดราคาถ่านหิน NEX ที่ BANPU ใช้เป็นราคาอ้างอิงปรับตัวขึ้นแรงกว่า 10$/ton (12%wow) ปิดที่ 94.91$/ton ทำสถิติสูงสุดในรอบกว่า 4 ปี
กลุ่มธนาคารคาดราคายังปรับตัวขึ้นได้อีกเนื่องจากเป็นกลุ่มที่ฟื้นตัวน้อยที่สุดหากเทียบกับตลาดรวม หุ้นกลุ่มธุรกิจการบิน (THAI, AAV, BA) ซึ่งได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลงและธุรกิจเริ่มเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นจะได้รับความสนใจจากนักลงทุนมากขึ้น ส่วนกลุ่มที่แนวโน้มผลประกอบการดีและราคายังไม่ปรับขึ้นเช่นกลุ่มอาหาร เรายังคงแนะนำซื้อไว้ตามเดิมโดยเลือก CPF, GFPT เป็น Top pick ของกลุ่ม
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ : Selective Buy
หุ้นเก็งกำไรระยะสั้น : THAI (ซื้อ/เป้า 32.00 บาท) จาก 1) รับผลบวกราคาน้ำมันดิบลดลงแรง 2) เก็งกำไรก่อนหลุด Cash balance และ 3) ผลประกอบการทยอยฟื้นตัว