SET พักฐาน ชง 13 หุ้นเด็ดครึ่งปีหลังกำไรโต

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยมีโอกาสพักฐานต่อจากวานนี้ ขณะที่นักลงทุนยังกังวลต่อการไหลออกของ Fund Flow ต่างชาติ อย่างไรก็ตาม การปรับตัวลงของดัชนีเป็นโอกาสในการทยอยเข้าซื้อสะสมหุ้นที่แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 3/59 จะออกมาดี


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงาน เช้านี้ ณ เวลา 9.30 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 35.06 บาทต่อเหรียญ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นตามทิศทางของตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดบวกเมื่อคืน โดยได้แรงหนุนจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทโบอิ้ง อิงค์ ที่มีกำไรไตรมาส 3 พุ่งขึ้น 34% รวมถึงข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐ

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยมีโอกาสพักฐานต่อจากวานนี้ ขณะที่นักลงทุนยังกังวลต่อการไหลออกของ Fund Flow ต่างชาติ อย่างไรก็ตาม การปรับตัวลงของดัชนีเป็นโอกาสในการทยอยเข้าซื้อสะสมหุ้นที่แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 3/59 จะออกมาดี หุ้นเด่นเลือก ESSO-EA-BJC-CPALL-BEAUTY-CPF-GFPT-BWG-GENCO-SUPER-CWT-BDMS และ LPH

 

บล.แอพเพิล เวลธ์ ระบุในบทวิเคราะห์ (27 ต.ค.) ว่า วานนี้ตลาดปรับฐานลงโดยได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลดลงต่ำกว่าระดับ 50 USD./บาร์เรล ขณะที่กระทรวงพาณิชย์รายงานการส่งออกไทย ก.ย. +3.4 % (จากช่วงเดียวกันในปีก่อน) ได้แรงหนุนจากการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมและเกษตรอุตสาหกรรมปรับตัวดีขึ้น สัปดาห์หน้ารอการประชุมนโยบายการเงินของ BOJ วันที่ 1 พ.ย. และ FOMC วันที่ 2 พ.ย. นี้

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ วาง Filter แนวรับ 1,480 – 1,490 กรณียืนได้ตลาดน่าจะยังในช่วงแกว่งตัวในกรอบแคบโดยมีแนวต้าน 1,510 – 1,520 จุด แนะนำซื้อหุ้นที่คาดจะมีผลประกอบการดี เช่น CPF, GFPT, CPALL และเก็งกำไรผลการประมูลโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรม เช่น BWG, GENCO, SUPER, CWT

 

บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (27 ต.ค.) ว่า แม้ต้องระวังการ “พักฐาน” ของ SET มากขึ้นหลังปรับลดลงเมื่อวานนี้ และ Upside ระยะสั้น “จำกัด” ที่ 1,520 จุด แต่ Momentum ระยะสั้นยังไม่เสียหายหาก SET ยัวสามารถยืนได้เหนือ “Trailing Stop” ที่ 1,478 จุด โดยคาดว่า SET จะเคลื่อนไหว sideways ในกรอบ 1,478-1,520 จุด เน้นกลยุทธ์ “Selective” ในกลุ่มหุ้นที่คาดว่าจะ Outperform ตลาดในช่วงนี้ อย่าง 1) กลุ่มหุ้นที่คาดการณ์ผลการดำเนินงานไตรมาส 3/59 ออกมาดี และ 2) Consensus มีการปรับประมาณการกำไร และเป้าหมายพื้นฐานขึ้น

แนะนำ “Selective” กลุ่มหุ้นที่ผลการดำเนินงานไตรมาส 3/59 ออกมาดี และมีโอกาสถูกปรับประมาณการกำไรขึ้นในช่วง 1-2 เดือนข้างหน้า

1) กำไรไตรมาส 3/59 ออกมาดี : EA (กำลังการผลิตไฟฟ้าเพิ่ม, ต้นทุนการเงินลดลงจากการ Refinance, กำไรทำจุดสูงสุดใหม่ต่อเนื่องในปี 2559-60, TradeCode มองเป้าหมายสั้นที่ 29.5/32.5) BJC CPALL BEAUTY

2) หุ้นที่ถูกปรับกำไร และเป้าหมายขึ้น : ESSO (ปรับเป้าหมายพื้นฐานขึ้นเป็น 11.50 บาท ราคาต่ำกว่า NAV มากกว่าโรงกลั่นอื่นๆ มาก)

 

บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ (27 ต.ค.) คาด SET จะยังเคลื่อนไหวผันผวนในทิศทางลง เนื่องจากนักลงทุนยังกังวลต่อการไหลออกของ Fund Flow ต่างชาติ หลังวานนี้นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นไทยเพิ่มขึ้นอีก 1,068 ล้านบาท และยังขายสุทธิในตลาดหุ้นภูมิภาคทุกตลาด ขณะที่ราคาน้ำมันดิบที่ปรับลงแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 3 สัปดาห์จากความกังวลว่าโอเปคจะประสบความล้มเหลวในการลดกำลังการผลิตจะยังเป็นปัจจัยลบกดดันหุ้นในกลุ่มธุรกิจน้ำมันและโรงกลั่นแต่ให้ติดตามราคาน้ำมันดิบล่วงหน้าหากมีการฟื้นตัวอาจจะทำให้ราคาหุ้นในกลุ่มนี้ลดลงไม่มาก

ส่วนหุ้นกลุ่มหลักอื่นๆ อาทิ ธนาคาร และ สื่อสาร ยังไม่มีปัจจัยบวกใหม่ ทำให้ภาพของการลงทุนยังกระจุกตัวในหุ้นขนาดกลางถึงเล็กซึ่งไม่เพียงพอที่จะพยุงดัชนีได้ อย่างไรก็ตาม การปรับตัวลงของดัชนีเป็นโอกาสในการทยอยเข้าซื้อสะสมหุ้นที่แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 3/59 จะออกมาดี อาทิ กลุ่มอาหาร (CPF, GFPT) โรงพยาบาล (BDMS, BCH และ LPH) รวมไปถึงหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว อาทิกลุ่มธุรกิจการบิน (THAI, AAV) ธุรกิจเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นส์ กลุ่มถ่านหิน (BANPU, LANNA และ UMS) ราคาถ่านหินเพิ่มขึ้นต่อเนื่องส่งผลดีต่อผลประกอบการครึ่งปีหลังของปี 59 และต่อเนื่องจนถึงปีหน้า

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ : Selective Buy

หุ้นเก็งกำไรระยะสั้น : (BDMS ซื้อ/เป้า 27) และ LPH (ซื้อ/เป้า 10.5)

Back to top button