SET เสี่ยงปรับฐาน เก็บ 17 หุ้นเด็ดมีประเด็นหนุน
นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้เคลื่อนไหวผันผวนและมีโอกาสปรับตัวลง เนื่องจากตลาดยังไม่มีปัจจัยบวกใหม่ อย่างไรก็ตาม หุ้นในกลุ่มขนาดกลางและเล็กจะมีแรงเก็งกำไรผลประกอบการไตรมาส 3/59 ออกมามากขึ้น
ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงาน เช้านี้ ณ เวลา 9.20 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 34.97 บาทต่อเหรียญ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลง หลังโอเปกและผู้ผลิตนอกกลุ่มโอเปก ยังไม่บรรลุข้อตกลงลดกำลังการผลิตน้ำมัน
นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้เคลื่อนไหวผันผวนและมีโอกาสปรับตัวลง เนื่องจากตลาดยังไม่มีปัจจัยบวกใหม่ อย่างไรก็ตาม หุ้นในกลุ่มขนาดกลางและเล็กจะมีแรงเก็งกำไรผลประกอบการไตรมาส 3/59 ออกมามากขึ้น หุ้นเด่นเลือก BJC-EA-BEAUTY-ESSO-THANI-CPF-GFPT-BDMS-BCH-LPH-CPALL-BANPU-STA-CK-SEAFCO-TRUBB และ BEM
นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส เปิดเผยถึงตลาดหุ้นไทยเช้านี้ (31 ต.ค.) มีโอกาสปรับฐาน หลังรับปัจจัยจากต่างประเทศที่ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงจะกดดันต่อการลงทุนในหุ้นกลุ่มพลังงาน และการที่สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการเบื้องต้นสำหรับการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 3/59 ออกมาดีกว่าคาดการณ์ทำให้ตลาดมีความกังวลต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ของธนาคารกลางสหรัฐ (FED)
นอกจากนี้ตลาดหุ้นยังไม่มีปัจจัยบวกใหม่เข้ามาสู่ตลาด อีกทั้งตลาดมีการซื้อขายในระดับ P/E สิ้นปี 59 ที่ระดับ 16.6 เท่า ทำให้ยังไม่มีปัจจัยบวกที่จะขับเคลื่อนตลาดให้ปรับตัวขึ้นได้ รวมถึงมูลค่าการซื้อขายของกลุ่มหลักทั้งต่างชาติและกองทุนในประเทศ ก็ชะลอตัวลง หลังนักลงทุนกลุ่มนี้ขาดแรงซื้อต่อเนื่องทำให้ภาพตลาดรวมน่าจะเป็นลักษณะของการพักฐาน
พร้อมให้แนวรับบริเวณ 1,480 และแนวต้านที่ 1,510 จุด
บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (31 ต.ค.) ว่า SET มีแนวโน้มเคลื่อนไหว Sideways ในกรอบ 1,480 – 1,520 จุด โดยคาดว่านักลงทุนจะ focus ที่หุ้นรายตัวที่ผลการดำเนินงานไตรมาส 3/59 ออกมาดี และหุ้นที่มีโอกาสถูกปรับประมาณการกำไรขึ้น มากกว่าที่จะดูแนวโน้ม SET โดยรวม ขณะที่ตลาดหุ้น Dow Jones และตลาดหุ้นยุโรป เคลื่อนไหวแคบเมื่อคืนนี้ รอความชัดเจนการประชุม FOMC วันที่ 1-2 พ.ย.นี้ ซึ่งแม้คาดว่าจะคงดอกเบี้ยต่อ แต่มีโอกาสขึ้นดอกเบี้ยในการประชุม 13-14 ธ.ค.นี้ ส่งผล Bond Yield 10 ปีสหรัฐฯ ขึ้นมาที่ 1.85% วันนี้
แนะนำ “Selective” กลุ่มหุ้นที่ผลการดำเนินงานกำไรไตรมาส 3/59 ออกมาดี และมีโอกาสถูกปรับประมาณการกำไรขึ้นในช่วง 1-2 เดือนข้างหน้า
1) กำไรไตรมาส 3/59 ออกมาดี : BJC (กำไรไตรมาส 3/59 +85% จากช่วงเดียวกันในปีก่อนที่ 717 ล้านบาท ดีกว่าคาดถึง 29% มีโอกาสถูกเพิ่มใน SET50 ปลายปี พื้นฐาน 55 บาท), EA (กำลังการผลิตไฟฟ้าเพิ่ม, ต้นทุนการเงินลดลงจากการ Refinance, กำไรทำจุดสูงสุดใหม่ในปี 2016-17) CPALL, BEAUTY
2) หุ้นที่ถูกปรับกำไร และเป้าหมายขึ้น : ESSO และ THANI (“ซื้อ” เข้า Tactical Portfolio วันนี้ มี Upside จากต้นทุนการเงินที่ลดลง)
บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ (31 ต.ค.) คาด SET จะยังเคลื่อนไหวผันผวนและมีโอกาสปรับตัวลดลง เนื่องจากตลาดยังไม่มีปัจจัยบวกใหม่ โดยหุ้นในกลุ่ม Big Cap จะยังถูกกดดันจาก Fund Flow ต่างชาติที่ยังไหลออก โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจน้ำมันและโรงกลั่นที่วันนี้ยังถูกกดดันจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลดลงอีก 1 $/bbl (-2.1%) เนื่องจากนักลงทุนยังกังวลต่อแผนการลดกำลังการผลิตของกลุ่มโอเปคจะล้มเหลว
อย่างไรก็ตาม หุ้นในกลุ่มขนาดกลางถึงเล็กจะมีแรงเก็งกำไรเข้ามาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 15 พ.ย.บริษัทจดทะเบียนจะทยอยประกาศผลประกอบการไตรมาส 3/59 ออกมากันมากขึ้น โดยยังเน้นกลุ่มที่แนวโน้มผลประกอบการดีและราคายังไม่ได้ปรับตัวขึ้นมาก คือกลุ่ม กลุ่มอาหาร (CPF, GFPT) กลุ่มโรงพยาบาล (BDMS, BCH และ LPH) กลุ่มค้าปลีก (CPALL) ส่วนกลุ่มที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัวและคาดว่าจะเป็นกลุ่มที่นักลงทุนให้ความสนใจในช่วงสัปดาห์นี้ คือ กลุ่มถ่านหิน (BANPU) ราคาถ่านหินยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง, กลุ่มผู้ผลิตยางพารา (STA และ TRUBB) ราคายางกลับสู่เทรนด์ขาขึ้น และ กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง (CK, SEAFCO และ BEM) วันนี้เปิดให้ยื่นซองประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้มมูลค่า 76,000 ล้านบาท
ส่วนปัจจัยที่ต้องติดตามสัปดาห์นี้คือ 1) จีนและสหรัฐรายงานดัชนีภาคการผลิตเดือน ต.ค.ในวันที่ 1 พ.ย. 2) ประชุม Fed ในช่วงวันที่ 1-2 พ.ย. และ 3) ประชุมธนาคารอังกฤษในวันที่ 3 พ.ย.
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ : Selective Buy
หุ้นเก็งกำไรระยะสั้น : BEM (ซื้อ/เป้า 9.00 บาท)
บล.แอพเพิล เวลธ์ ระบุในบทวิเคราะห์ (31 ต.ค.) แนะนำสัปดาห์นี้ ติดตามการประชุม BOJ วันที่ 1 พ.ย. , FOMC วันที่ 2 พ.ย. และการ BOE วันที่ 3 พ.ย. เพื่อติดตามนโยบายการเงินแต่ประเทศจะมีการปรับเปลี่ยนหรือไม่ กลยุทธ์การลงทุน วาง Filter แนวรับไว้ที่ 1,490 จุด หากยืนไม่ได้ดัชนีมีโอกาสปรับฐานลง 10 – 20 จุด แนะนำซื้อเก็งกำไรเมื่อดัชนีอ่อนตัว