SET ทรงตัว รอความชัดเจนปัจจัย ตปท.สอย 10 หุ้นฟอร์มดี ก่อนคำนวณดัชนี MSCI

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้ทรงตัวในกรอบแคบระหว่างรอความชัดเจนจากปัจจัยต่างประเทศโดยเฉพาะผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ การลงทุนยังแนะนำหุ้นที่ผลประกอบการไตรมาส 3/59 ออกมาดีซึ่งจะทยอยประกาศออกมาเป็นหลัก และกลุ่มที่มีโอกาสถูกเพิ่มในดัชนี MSCI และ SET50


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์ รายงาน เช้านี้ ณ เวลา 9.30 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 34.98 บาทต่อเหรียญ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลง ตามทิศทางของตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดลบเมื่อคืน โดยได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของราคาน้ำมันดิบ รวมทั้งความไม่แน่นอนของผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้ทรงตัวในกรอบแคบระหว่างรอความชัดเจนจากปัจจัยต่างประเทศโดยเฉพาะผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ การลงทุนยังแนะนำหุ้นที่ผลประกอบการไตรมาส 3/59 ออกมาดีซึ่งจะทยอยประกาศออกมาเป็นหลัก และกลุ่มที่มีโอกาสถูกเพิ่มในดัชนี MSCI และ SET50 หุ้นเด่นเลือก BJC-EA-CPALL-BEAUTY-ESSO-THANI-KCE-CK AAV และ BA

 

นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.เคที ซีมิโก้ เปิดเผยถึงตลาดหุ้นไทยเช้านี้ (1 พ.ย.) คาดว่าจะแกว่งตัวในกรอบ มองว่าน่าจะอยู่ในช่วงของการรอปัจจัยจากภายนอกประเทศ ไม่ว่าจะเป็นผลการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ), การประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด), การประชุมธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ในสัปดาห์นี้ รวมไปถึงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในสัปดาห์หน้า และราคาน้ำมันที่ปรับตัวลงก็เป็นผลจากการที่กลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันไม่สามารถตกลงกันได้ในเรื่องกำลังการผลิต ทำให้คงจะยังไปกดดันหุ้นในกลุ่มพลังงาน

อย่างไรก็ตาม ตลาดฯคงจะเป็นลักษณะของการเทรดดิ้งในกรอบ โดยถ้าดัชนีฯยังยืนเหนือระดับ 1,486-1,490 จุด ได้ทิศทางก็ยังใช้ได้ แต่ถ้าหลุดก็อาจจะเกิดแรงขายตามออกมา สำหรับหุ้นในกลุ่มรับเหมาฯก็อาจจะมีการเล่นตามข่าวได้ ในเรื่องการประมูลโครงการรถไฟฟ้า

ด้านตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวกและลบเล็กน้อยคละกัน โดยแต่ละตลาดฯคงจะเคลื่อนไหวตามปัจจัยของแต่ละตลาดฯกันไปก่อน อย่างตลาดหุ้นไทยให้ติดตามการทยอยประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนต่อไป พร้อมให้กรอบการแกว่งไว้ที่ 1,486-1,500 จุด

 

บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (1 พ.ย.) ว่า SET เคลื่อนไหวในกรอบแคบต่อเนื่องวันนี้ รอความชัดเจนจาก 1) การประชุม Fed และ 2) การเลือกตั้งสหรัฐฯ สัปดาห์หน้า และแม้ Fed มีแนวโน้มขึ้นดอกเบี้ยในเดือน ธ.ค.นี้ แต่มอง Downside Risk จำกัด เนื่องจาก 1) ตลาดหุ้นสหรัฐฯ มี Post-election Rally ในช่วง 3 เดือนหลังการเลือกตั้ง โดยปรับสูงขึ้น 6 ปีใน 7 ปีที่มีการเลือกตั้งประธานาธิบดี ซึ่งเป็น “ตัวช่วย” ตลาดหุ้นโลก 2) แรงซื้อหุ้นจากกองทุน LTF ในเดือน พ.ย.-ธ.ค.นี้ และ 3) การลงทุนภาครัฐฯ มีความต่อเนื่อง ล่าสุดรับเหมาฯ รายใหญ่ยื่นซองประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้ม วานนี้

เน้นกลยุทธ์ “Selective” ต่อเนื่อง ได้แก่ 1) กำไรไตรมาส 3/59 แข็งแกร่ง/ถูกปรับเป้าหมายขึ้น : BJC (กำไรไตรมาส 4/59 จะทำจุดสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง มีโอกาสถูกเพิ่มในดัชนี MSCI และ SET50) EA CPALL BEAUTY ESSO THANI KCE 2) การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานมีความต่อเนื่อง : CK และ 3) น้ำมันปรับลดลงแรงหลายวันติด: “เก็งกำไร” AAV BA 

 

บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ (1 พ.ย.) คาด SET จะยังเคลื่อนไหวผันผวนในกรอบจำกัด เนื่องจากนักลงทุนจะชะลอการลงทุนเพื่อรอดูผลการประชุมของธนาคารกลางประเทศต่างๆในสัปดาห์นี้ อาทิ ญี่ปุ่น, สหรัฐ และ อังกฤษ รวมไปถึงการประกาศตัวเลขดัชนี PMI ของจีนในช่วงเช้าของวันนี้ ซึ่งหากตัวเลข PMI ของจีนซึ่งจัดทำโดย Caixin ออกมาต่ำกว่าระดับ 50 จุด จะสร้างความผันผวนให้กับตลาดและวิตกกังวลต่อการเติบโตของเศรษฐกิจจีน หุ้นในกลุ่ม Big Cap จะยังถูกกดดันจาก Fund Flow ต่างชาติที่ยังไหลออก โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจน้ำมันและโรงกลั่นที่วันนี้ยังถูกกดดันจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลดลงอีก 1.84 $/bbl (-3.8%) เนื่องจากนักลงทุนยังกังวลต่อแผนการลดกำลังการผลิตของกลุ่มโอเปคอาจจะล้มเหลว

หุ้นในกลุ่มขนาดกลางถึงเล็กจะยังเป็นที่สนใจของนักลงทุนจากการเก็งกำไรผลประกอบการไตรมาส 3/59 อาทิ กลุ่มอาหาร (CPF, GFPT) กลุ่มโรงพยาบาล (BDMS, BCH และ LPH) กลุ่มค้าปลีก (CPALL) ส่วนกลุ่มที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัวและคาดว่าจะเป็นกลุ่มที่นักลงทุนให้ความสนใจในช่วงสัปดาห์นี้ คือ กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง (CK, SEAFCO และ BEM) วานนี้เปิดให้ยื่นซองประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้มมูลค่า 76,000 ล้านบาท และวันที่ 7 พ.ย.เปิดให้ยื่นซองรถไฟฟ้าสายสีเหลืองและสีชมพูมูลค่า 1 แสนล้านบาท, กลุ่มธุรกิจการบิน (THAI, BA และ AAV) รับอานิสงส์ราคาน้ำมันดิบลดลงและธุรกิจเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นส์, กลุ่มถ่านหิน (BANPU) ราคาถ่านหินยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง, และกลุ่มผู้ผลิตยางพารา (STA และ TRUBB) ราคายางกลับสู่เทรนด์ขาขึ้น, กลุ่มมีเดีย (WORK และ MONO) วันนี้ติดตามประชุม ครม.คาดอนุมัติให้ธุรกิจบันเทิงสามารถกลับมาประกอบการได้ตามปกติหลังเสด็จสรรคตครบ 30 วัน คือวันที่ 14 พ.ย.16

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ : Selective Buy

หุ้นเก็งกำไรระยะสั้น : BJC (ซื้อ/เป้าConsensus 55) เก็งกำไรก่อนเข้าคำนวณในดัชนี MSCI ในวันที่ 10 พ.ย. 16

 

บล.แอพเพิล เวลธ์ ระบุในบทวิเคราะห์ (1 พ.ย.) ว่า วานนี้ตลาดยังไร้ปัจจัยใหม่หนุน และยังรอผลการประชุม BOJ, FOMC และ BOE ในสัปดาห์นี้ สำหรับการประชุมวันนี้ติดตาม ครม. อนุมัติมาตรการกระตุ้นช่วยเศรษฐกิจฐานราก และคมนาคมเสนอรถไฟทางคู่ 3 เส้นทางเข้าสู่การพิจารณา

กลยุทธ์การลงทุน ประเมินดัชนี SET น่าจะถูกกดดันจากราคาน้ำมันตลาดโลกปรับตัวลดลง หากดัชนีไม่สามารถยืนที่แนวรับ 1,490 จุด มีโอกาสปรับฐานลงสู่ระดับ 1,480 จุด โดยมีแนวต้าน 1,505 แนะนำซื้อเก็งกำไรเมื่อดัชนีอ่อนตัว

Back to top button