SET ทรงตัว ชง 13 หุ้นร้อนกำไรโตดี-มีประเด็นหนุน

ดัชนีหุ้นไทยวันนี้ยังผันผวนในกรอบแคบเพื่อรอความชัดเจนจากปัจจัยต่างประเทศ ขณะที่คาดว่านักลงทุนบางส่วนจะชะลอการลงทุนเพื่อรอดูผลประชุมเฟดคืนนี้ และรอดูผลการเลือกตั้งสหรัฐในสัปดาห์หน้า การลงทุนยังเน้นกลุ่มที่แนวโน้มงบไตรมาส 3/59 เติบโตดีเป็นหลัก รวมถึงกลุ่มที่ได้รับผลดีจากราคาน้ำมันที่อ่อนตัวและการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานในประเทศที่มีความต่อเนื่อง


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงาน เช้านี้ ณ เวลา 9.10 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 35.04 บาทต่อเหรียญ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลง ตามทิศทางของตลาดหุ้นสหรัฐ เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนของผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ นอกจากนั้นยังได้รับแรงกดดันจากกระแสคาดการณ์เรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (FED)

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้ยังผันผวนในกรอบแคบเพื่อรอความชัดเจนจากปัจจัยต่างประเทศ ขณะที่คาดว่านักลงทุนบางส่วนจะชะลอการลงทุนเพื่อรอดูผลประชุมเฟดคืนนี้ และรอดูผลการเลือกตั้งสหรัฐในสัปดาห์หน้า การลงทุนยังเน้นกลุ่มที่แนวโน้มงบไตรมาส 3/59 เติบโตดีเป็นหลัก รวมถึงกลุ่มที่ได้รับผลดีจากราคาน้ำมันที่อ่อนตัวและการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานในประเทศที่มีความต่อเนื่อง

หุ้นเด่นเลือก AAV-BA-BJC-EA-CPALL-BEAUTY-ESSO-THANI-KCE-SCB-WORK-ILINK และ GCAP

 

บล.แอพเพิล เวลธ์ ระบุในบทวิเคราะห์ (2 พ.ย.) ว่า ภาวะการซื้อขายวานนี้ได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มถ่านหิน โดยราคาถ่านหิน FOB Newcastle วานนี้ยังปิด +2 ดอลลาร์/ตัน อยู่ที่ 111 ดอลลาร์/ตัน และการประชุม ครม. วานนี้อนุมัติก่อสร้างรถไฟทางคู่อีก 3 เส้นทาง มูลค่า 5.5 หมื่นล้านบาท เป็นปัจจัยหนุนดัชนีให้ยืนเหนือระดับ 1,500 จุดได้ ถือเป็นสัญญาณบวกในระยะสั้น

กลยุทธ์การลงทุน หากดัชนีสามารถยืน 1,500 จุด ทิศทางดัชนีน่าจะแกว่งตัวขึ้นทดสอบแนวต้าน 1,510-1,520 จุดได้ แนะนำซื้อ SCB (ราคาเป้าหมาย 170.00 บาท) คาดได้ปัจจัยบวกการกลับสำรองหนี้ SSI ในช่วง ไตรมาส 4/59–ไตรมาส 1/60

 

บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (2 พ.ย.) คาด SET เคลื่อนไหวในกรอบแคบต่อเนื่องวันนี้ รอความชัดเจนจาก 1) การประชุม Fed และ 2) การเลือกตั้งสหรัฐฯ สัปดาห์หน้า และแม้ Fed มีแนวโน้มขึ้นดอกเบี้ยในเดือน ธ.ค.นี้ แต่มอง Downside Risk จำกัด เนื่องจาก 1) ตลาดหุ้นสหรัฐฯ มี Post-election Rally ในช่วง 3 เดือนหลังการเลือกตั้ง โดยปรับสูงขึ้น 6 ปีใน 7 ปีที่มีการเลือกตั้งประธานาธิบดี ซึ่งเป็น “ตัวช่วย” ตลาดหุ้นโลก 2) แรงซื้อหุ้นจากกองทุน LTF ในเดือน พ.ย.-ธ.ค.นี้ และ 3) การลงทุนภาครัฐฯ มีความต่อเนื่อง ล่าสุดรับเหมาฯ รายใหญ่ยื่นซองประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้ม วานนี้

การลงทุนยังคงเน้นกลยุทธ์ “Selective” ต่อเนื่อง ได้แก่1) กำไรกลุ่มงบไตรมาส 3/59 แข็งแกร่ง/ถูกปรับเป้าหมายขึ้น : BJC (กำไรไตรมาส 4/59 จะทำจุดสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง มีโอกาสถูกเพิ่มในดัชนี MSCI และ SET50) EA CPALL BEAUTY ESSO THANI KCE 2) การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานมีความต่อเนื่อง : CK และ 3) น้ำมันปรับลดลงแรงหลายวันติด : “เก็งกำไร” AAV BA

 

บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ (2 พ.ย.) คาด SET จะยังเคลื่อนไหวผันผวนและมีโอกาสปรับตัวลดลงจาก 1) มี Sentiment เชิงลบจากการลดลงของตลาดหุ้นต่างประเทศเนื่องจากกังวลต่อความไม่แน่นอนของผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ 2) Fund Flow ต่างชาติยังคงไหลออกกดดันหุ้น Big Cap โดยเฉพาะกลุ่มธนาคารซึ่งแนวโน้มผลประกอบการยังไม่ฟื้นตัว 3) กลุ่มน้ำมัน โรงกลั่น และปิโตรฯ ซึ่งราคาปรับตัวขึ้นแรงวานนี้อาจจะมีแรงขายทำกำไรหลังจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกยังปรับตัวลดลง 4) คาดนักลงทุนจะชะลอการลงทุนเพื่อรอดูผลประชุมเฟดคืนนี้ และรอดูผลการเลือกตั้งสหรัฐในสัปดาห์หน้า

อย่างไรก็ตามหุ้นที่แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 3/59 ที่เติบโตดีและหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัวจะยังเป็นที่สนใจของนักลงทุน อาทิ กลุ่มถ่านหิน (BANPU) ราคาถ่านหินยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง, และกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการประชุมของ ครม.วานนี้ คือ 1) กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง (CK, SEAFCO และ BEM) ครม.มีมติเห็นชอบโครงการรถไฟทางคู่  3 เส้นทาง 403 กิโลเมตรรวมมูลค่าลงทุนประมาณ 5.5 หมื่นล้านบาท, 2) กลุ่มระบบสายส่งไฟฟ้า (DEMCO, ILINK, CTW, UWC และ ASEFA) 3) กลุ่มมีเดีย (WORK, MONO, RS และ BEC) อนุญาติให้สื่อทีวี วิทยุกลับมาดำเนินการได้ตามปกติตั้งแต่วันที่ 14 พ.ย. และ 4) กลุ่มสินเชื่อการเกษตร ครม.มีมติอนุมัติให้รับจำนำข้าวหอมมะลิเพิ่มเป็นตันละ 13,000 บาทจากเดิม 11,525 บาทต่อตัน คิดเป็นวงเงินประมาณ 20,000 ล้านบาท

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ : Selective Buy

หุ้นเก็งกำไรระยะสั้น : WORK (ซื้อ/เป้า 48), ILINK (ซื้อ/เป้าConsensus 25), GCAP (เก็งกำไร/เป้าN/A) เป็นกลุ่มหุ้นที่ได้ประโยชน์จากมติ ครม.วานนี้

Back to top button