SET ไซด์เวย์ เปิดเมนู 10 หุ้นเทรนด์ดี Outperform ตลาด

ดัชนีหุ้นไทยวันนี้ไซด์เวย์ เนื่องจากแรงหนุนยังไม่เด่นชัด ขณะที่นักลงทุนจะยังชะลอการลงทุนเพื่อรอดูผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในสัปดาห์หน้า การลงทุนเน้นกลุ่มหุ้นที่จะ Outperform ตลาดมากกว่า โดยเฉพาะกลุ่มที่แนวโน้มกำไรครึ่งปีหลังดี และมีประเด็นบวกเฉพาะตัว


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงาน เช้านี้ ณ เวลา 9.20 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 34.91 บาทต่อเหรียญ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลงตามทิศทางของตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดลบเมื่อคืน หลังธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ส่งสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือน ธ.ค. นอกจากนี้ยังได้รับแรงกดดันจากความไม่แน่นอนทางการเมืองในสหรัฐ

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้ไซด์เวย์ เนื่องจากแรงหนุนยังไม่เด่นชัด ขณะที่นักลงทุนจะยังชะลอการลงทุนเพื่อรอดูผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในสัปดาห์หน้า การลงทุนเน้นกลุ่มหุ้นที่จะ Outperform ตลาดมากกว่า โดยเฉพาะกลุ่มที่แนวโน้มกำไรครึ่งปีหลังดี และมีประเด็นบวกเฉพาะตัว

หุ้นเด่นเลือก IRPC-ESSO-BJC-EA-CPALL-BEAUTY-THANI-KCE-CK และ BEM

 

นายเอกภาวิน สุนทราภิชาติ ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.ไทยพาณิชย์ เปิดเผยถึงตลาดหุ้นไทยเช้านี้ (3 พ.ย.) คาดว่าจะแกว่งไซด์เวย์ เนื่องจากแรงหนุนยังไม่เด่นชัด ขณะที่ตลาดฯยังมีความกังวลเกี่ยวกับการเลือกตั้งของสหรัฐฯ แม้ว่าผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (FED) จะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในรอบนี้ แต่มีการส่งสัญญาณว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค. อีกทั้งราคาน้ำมันก็ร่วงลงด้วย ซึ่งน่าจะไปกดดันหุ้นในกลุ่มพลังงาน

อย่างไรก็ตาม ยังคาดหวังว่าหุ้นขนาดกลางและเล็กจะช่วยดันตลาดฯไว้ได้ โดยเฉพาะหุ้นที่มีปัจจัยเด่นเฉพาะตัวอาจจะปรับตัวได้ดี แต่ก็ให้ระวังการอ่อนตัวลงของตลาดฯด้วย ด้านตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ทรงตัวพร้อมให้แนวรับ 1,490 จุด ส่วนแนวต้าน 1,500-1,508 ถัดไป 1,518 จุด

 

บล.แอพเพิล เวลธ์ ระบุในบทวิเคราะห์ (3 พ.ย.) ว่า ภาวะการซื้อขายวานนี้ถูกกดดันจากราคาหุ้นกลุ่มน้ำมันที่ปรับตัวลดลง และกังวลผลการเลือกตั้งสหรัฐ หลังนายทรัมป์เริ่มมีคะแนนนิยมนำในบางโพล ซึ่งหากนายทรัมป์ชนะการเลือกตั้งอาจจะส่งผลให้ตลาดเงินตลาดทุนผันผวน ส่วนการประชุม FOMC ส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 14 ธ.ค. นี้ น่าจะส่งผลให้ Fund Flow จากนักลงทุนต่างชาติชะลอตัว

กลยุทธ์การลงทุน วาง Filter แนวรับสำคัญที่ 1,490 จุด แนวต้าน 1,510 จุด แนะนำเทรดดิ้งระยะสั้นตามกรอบระหว่างรอผลการเลือกตั้งสหรัฐฯ

 

บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (3 พ.ย.) ว่า แม้นักลงทุน Risk-off มากขึ้นก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ วันที่ 8 พ.ย.นี้ เนื่องจากโพล์แสดงผลการเลือกตั้งระหว่างคลินตัน และทรัปม์ “สูสี” มากขึ้น แต่มอง Downside Risk จำกัดที่ 1,480 จุด เนื่องจาก 1) แม้ Fed จะขึ้นดอกเบี้ยในเดือน ธ.ค. แต่การขึ้นดอกเบี้ยในปี 2560 จะเป็นไปอย่างเชื่องช้า ต่างกับการขึ้นดอกเบี้ยปลายปี 2559 ขณะที่สภาพคล่องภายในประเทศสูงรองรับการไหลออกของเงินทุนได้ดี 2) เม็ดเงินจาก LTF ไหลเข้าตลาดปลายปีนี้ และ 3) การออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องของภาครัฐฯ

SET ยังเคลื่อนไหว Sideways ต่อ โดยในทางกลยุทธ์เน้นไปที่การ “Selective” กลุ่มหุ้นที่จะ Outperform ตลาดมากกว่า

1) โรงกลั่น+ปิโตรฯ : ค่าการกลั่นสูง US$8-9/bbl “ซื้อ” IRPC ESSO

2) ลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน : CK (NAV บริษัทลูกเกือบ 30 บาท/หุ้นแล้ว)

3) กำไรไตรมาส 3/59 แข็งแกร่ง/ถูกปรับเป้าหมายขึ้น : BJC EA (แนวต้าน 30.00/32.50บาท) CPALL BEAUTY THANI KCE

 

บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ (3 พ.ย.) คาด SET จะยังเคลื่อนไหวผันผวนและมีโอกาสปรับตัวลงต่อเนื่องจากวันก่อนหน้าเนื่องจากตลาดยังไม่มีปัจจัยบวกใหม่ นักลงทุนจะยังชะลอการลงทุนเพื่อรอดูผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในสัปดาห์หน้า หุ้นในกลุ่ม Big Cap โดยเฉพาะ ธุรกิจน้ำมัน (PTT และ PTTEP) จะยังถูกกดดันจากราคาน้ำมันดิบที่ลดลงแรง เนื่องจากกังวลภาวะอุปทานล้นตลาดหลังจากที่ EIA รายงานสต๊อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์เพิ่มขึ้นเกินคาด ขณะที่โอเปครายงานการผลิตน้ำมันดิบของกลุ่มในเดือนต.ค.เพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หุ้นในกลุ่มถ่านหินอาจจะมีแรงขายทำกำไรหลังจากราคาถ่านหินเริ่มพักตัว

ยังเน้นลงทุนในหุ้นขนาดกลางถึงเล็กที่แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 3/59 จะออกมาดี อาทิ กลุ่มอาหาร (CPF, GFPT และ CBG) กลุ่มโรงพยาบาล (BDMS และ BCH) กลุ่มค้าปลีก (CPALL) และหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว อาทิ กลุ่มธุรกิจการบิน (THAI, AAV และ BA) ได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันลดลงและธุรกิจเริ่มเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นส์ กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง (CK, SEAFCO และ BEM) สัปดาห์หน้าภาครัฐจะเปิดให้ยื่นซองประมูลรถไฟฟ้าสายสีเหลืองและสายสีชมพู มูลค่า 100,000 ล้านบาท รวมไปถึงกลุ่มเหล็กที่ให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลสูง (TMT และ PAP)

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ : Selective Buy

หุ้นเก็งกำไรระยะสั้น : CK (ซื้อ/เป้า 37), BEM (ซื้อ/เป้า 9 บาท) เก็งกำไรก่อนเปิดยื่นซองรถไฟฟ้าสายสีเหลืองและชมพูมูลค่า 100,000 ล้านบาทในสัปดาห์หน้า

Back to top button