SET ฟื้นตัวรับความชัดเจนเลือกตั้งสหรัฐฯเลือกเก็บ 12 หุ้นเด็ด มีปัจจัยหนุน-กำไรโต
นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้ยังเคลื่อนไหวผันผวน อย่างไรก็ตาม มีโอกาสฟื้นตัวตามตลาดต่างประเทศรับความชัดเจนการเลือกตั้งในสหรัฐฯ การลงทุนแนะนำเก็งกำไรหุ้นที่ได้รับผลประโยชน์จากปัจจัยในประเทศ และกลุ่มที่แนวโน้มกำไรไตรมาส 3/59 ดีเป็นหลัก
ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์ รายงาน เช้านี้ ณ เวลา 9.20 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 35.01 บาทต่อเหรียญ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ปรับตัวเพิ่มขึ้นในเช้าวันนี้ หลังสำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐ (FBI) ยืนยันว่า นางฮิลลารี คลินตัน ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรคเดโมแครต ไม่มีความผิดทางคดีอาญา กรณีที่นางฮิลลารีใช้อีเมลส่วนตัวเพื่อรับและส่งข้อความในขณะที่ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ
นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้ยังเคลื่อนไหวผันผวน อย่างไรก็ตาม มีโอกาสฟื้นตัวตามตลาดต่างประเทศรับความชัดเจนการเลือกตั้งในสหรัฐฯ การลงทุนแนะนำเก็งกำไรหุ้นที่ได้รับผลประโยชน์จากปัจจัยในประเทศ และกลุ่มที่แนวโน้มกำไรไตรมาส 3/59 ดีเป็นหลัก หุ้นเด่นเลือก IRPC-ESSO-BJC-EA-CPALL-BEAUTY-THANI-MINT-TISCO-BIG-CK และ STEC
บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (7 พ.ย.) ว่า ดัชนี Dow Jones Futures ปรับสูงขึ้นประมาณ 1% เช้านี้หลัง FBI แถลงผลสืบสวนกรณี email ของคลินตันไม่เป็นความผิดอาญา ซึ่งจะเป็นปัจจัยบวก Sentiment ตลาดหุ้นไทยวันนี้ ประเมินแนวต้าน 1,498 จุด ขณะที่ยังมอง SET โดยรวมเคลื่อนไหว Sideways กรอบ 1,480-1,520 ต่อไป
ทั้งนี้องว่า SET มีจังหวะฟื้นตัวตามตลาดหุ้นต่างประเทศวันนี้ แต่ยังเน้นกลยุทธ์ “Selective” ต่อไป มอง Upside จะจำกัดที่ 1,520 จุด โดยแนะนำ
1) โรงกลั่น+ปิโตรฯ : ค่าการกลั่นสูง US$8-9/bbl “ซื้อ” IRPC ESSO (ราคาหุ้นเกินเป้าหมายพื้นฐานที่ 11.50 ไปแล้ว แต่ราคาหุ้นยังต่ำจาก NAV 48% ซึ่งเป็นการ Discount สูงกว่าโรงกลั่นอื่นที่ 30-35%)
2) ลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน : CK (ยื่นซองประมูลรถไฟฟ้าสายสีเหลือง-ชมพูวันนี้) และ STEC
3) กำไรไตรมาส 3/59 แข็งแกร่ง/ถูกปรับเป้าหมายขึ้น : BJC EA (มี Upside Risk จากธุรกิจใหม่ที่ต่อยอดจากธุรกิจปัจจุบัน) CPALL BEAUTY THANI
บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ (7 พ.ย.)คาด SET จะยังเคลื่อนไหวผันผวน โดยมีโอกาสปรับตัวขึ้นตามตลาดหุ้นต่างประเทศซึ่งขานรับข่าว FBI ระบุว่านาง ฮิลารี คลินตัน ไม่มีความผิดทางอาญาในคดีการใช้อีเมลส่วนตัวในช่วงที่นางฮิลลารี คลินตันดำรงตำแหน่ง รมว.ต่างประเทศ คาดว่าจะช่วยหนุนให้คะแนนความนิยม และโอกาสในการชนะการเลือกตั้งของนางฮิลลารี คลินตัน มีมากขึ้นเป็นบวกต่อ Sentiment การลงทุนในตลาดหุ้นทั่วโลก รวมไปถึงตลาดหุ้นบ้านเรา
ขณะที่คาดว่าหุ้นในกลุ่ม Big Cap (พลังงาน, ธนาคาร และสื่อสาร) ที่ปรับลงแรงในสัปดาห์ก่อนหน้าจะกลับมาฟื้นตัว ส่วนหุ้นขนาดกลางถึงเล็กจะยังเป็นที่สนใจของนักลงทุนเช่นเดิม โดยเฉพาะกลุ่มที่ผลประกอบการไตรมาส 3/59 จะออกมาดี อาทิ กลุ่มอาหาร CPF และ GFPT กลุ่มโรงพยาบาล BDMS, LPH, BCH และ BEAUTY, TACC, CBG รวมไปถึงกลุ่มที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว อาทิ กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง (CK, STEC, BEM และ BTS) ซึ่งวันนี้ รฟม. จะเปิดให้ยื่นซองประมูลรถไฟฟ้าสายสีเหลืองและสีชมพูมูลค่าประมาณ 100,000 ล้านบาท
ส่วนปัจจัยที่ต้องติดตามสัปดาห์นี้คือ จีนรายงานตัวเลขส่งออก/นำเข้าเดือน ต.ค. ในช่วงเช้าวันที่ 8 และ วันที่ 9 ตามเวลาประเทศไทยจะรู้ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐซึ่งตลาดอาจจะตอบรับเชิงลบหากมี Negative surprise ที่นายโดนัลทรัมป์พลิกชนะเป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ : Selective Buy
หุ้นเก็งกำไรระยะสั้น : MINT (ซื้อ/เป้า 45.00), TISCO (ซื้อ/เป้า 60.00), BIG (ซื้อ/เป้า 5.80)
บล.แอพเพิล เวลธ์ ระบุในบทวิเคราะห์ (7 พ.ย.) ราคาน้ำมันตลาดโลกปรับตัวลงหลังจากแนวโน้มการประชุมโอเปกปลายเดือนนี้อาจจะไม่สามารถบรรลุข้อตกลงลดกำลังการผลิต ขณะที่สัปดาห์นี้วันพุธ แนะนำให้ติดตามการประชุม กนง. คาดน่าจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 1.5 %
กลยุทธ์การลงทุน ประเมินดัชนียังแกว่งตัวในกรอบแนวรับ 1,470 – 1,480 จุด แนวต้าน 1,495 – 1,500 จุด เพื่อรอผลการเลือกตั้งสหรัฐ แนะนำซื้อลงทุน CK, STEC เนื่องจาก พ.ย. นี้ เริ่มขายซองรถไฟทางคู่สายประจวบคีรีขันธ์ – ชุมพร และคาดจะเปิดประมูลอีก 4 เส้นทางในช่วงในไตรมาส 1/60