จับตาผลเลือกตั้งสหรัฐฯตัวชี้นำทิศทาง SETเลือกเก็บ 9 หุ้นปลอดภัย งบดี-มีปัจจัยหนุน

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยช่วงเช้าผันผวนช่วงนับคะแนน Real Time การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ขณะที่ระหว่างวันให้ติดตามการเคลื่อนไหวของดัชนีตลาดหุ้นดาวโจนส์ล่วงหน้าซึ่งจะเป็นสัญญาณบ่งชี้สำคัญถึงผลการเลือกตั้งในอนาคต (ล่าสุดปรับตัวลงกว่า 200 จุด) การลงทุนเน้นหุ้นที่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยนอกประเทศน้อย โดยเลือกหุ้นที่ผลประกอบการครึ่งปีหลังดี และมีปัจจัยบวกเฉพาะตัวเป็นหลัก


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์ รายงาน เช้านี้ ณ เวลา 9.25 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 34.91 บาทต่อเหรียญ ด้านตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้น ขณะที่นักลงทุนยังคงจับตาการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอย่างใกล้ชิด โดยผลสำรวจของหลายสำนักระบุว่า นางฮิลลารี คลินตัน จากพรรคเดโมแครต มีโอกาสที่จะได้รับชัยชนะเหนือนายโดนัลด์ ทรัมป์ คู่แข่งจากพรรครีพับลิกัน อย่างไรก็ตาม ผลล่าสุดนายโดนัลด์ ทรัมป์ มีคะแนนนำฮิลลารี คลินตัน

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยช่วงเช้าผันผวนช่วงนับคะแนน Real Time การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ขณะที่ระหว่างวันให้ติดตามการเคลื่อนไหวของดัชนีตลาดหุ้นดาวโจนส์ล่วงหน้าซึ่งจะเป็นสัญญาณบ่งชี้สำคัญถึงผลการเลือกตั้งในอนาคต (ล่าสุดปรับตัวลงกว่า 200 จุด) การลงทุนเน้นหุ้นที่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยนอกประเทศน้อย โดยเลือกหุ้นที่ผลประกอบการครึ่งปีหลังดี และมีปัจจัยบวกเฉพาะตัวเป็นหลัก หุ้นเด่นเลือก BJC-MTLS-CPALL-CK-STEC-CPN-CENTEL-FSMART และ STA

 

บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (9 พ.ย.) ว่า SET มีแนวโน้มปรับสูงขึ้นไปที่ 1,515 – 1,520 จุด คาด กนง.คงดอกเบี้ยที่ 1.5% วันนี้ ขณะที่ผลการเลือกตั้งสหรัฐฯ จะเป็นปัจจัยหลักที่กำหนดทิศทางตลาดวันนี้ ซึ่งคาดว่าประเทศไทยจะรู้ผลอย่างไม่เป็นทางการประมาณ 11.00 – 13.00 น. ซึ่ง Swing State ที่ต้องติดตามผลได้แก่ Florida (29 เสียง), Ohio (18 เสียง), และ Pennsylvania (20 เสียง)

แนะนำ “ซื้อ” กลุ่มหุ้นที่ผลการดำเนินงานไตรมาส 3/59 ออกมาดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ รวมถึงกลุ่มรับเหมาฯ ที่ได้รับผลดีลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน

1) กำไรไตรมาส 3/59 ดีกว่าคาด และมีโอกาสถูกปรับประมาณการกำไรขึ้น : “ซื้อ” BJC (กำไรดีกว่าคาด และมีลุ้นเพิ่มในดัชนี MSCI/SET50), MTLS (กำไรไตรมาส 3/59 +82% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน และ 34% จากไตรมาสก่อน สินเชื่อเติบโตแกร่ง 65% จากช่วงต้นปี), CPALL (กำไร MAKRO ที่ 1.4 พันล้าน +13% y-y ดีกว่าคาด ซึ่ง CPALL ที่ถือหุ้น 97.88% ได้ประโยชน์โดยตรง)

2) ลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน…ก.คมนาคมวางแผนลงทุน 6 แสนล้าน : “ซื้อ” CK (ราคาหุ้นสะท้อนแค่มูลค่าธุรกิจลูกที่ 30.50 บาท/หุ้น) “เก็งกำไร” STEC (ถือหุ้น TSE 10% เพิ่มโอกาสก่อสร้างโรงไฟฟ้าในอนาคต)

 

บล.เคทีบี (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (9 พ.ย.) ว่า เป็นที่น่าสังเกตสำหรับช่วง 2 วันที่ผ่านมา นักลงทุนเข้าไปซื้อหุ้นที่ราคาลงมามากเช่น ธนาคาร-โทรศัพท์ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ ไม่ค่อยสนใจกัน เป็นสัญญาณนักลงทุนมองตลาดขึ้นแต่ยังไม่มั่นใจในทิศทางตลาด จึงเลือกซื้อหุ้นที่ราคาลงมามากๆ ไว้ก่อน ซึ่งอาจจะเป็นเพราะรอคอยผลเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯกันอยู่ และปัจจัยอื่นๆ ตลาดก็รับรู้กันไประดับหนึ่งแล้ว

จังหวะการลงทุนวันนี้ จึงควรรอดูผลเลือกตั้งหรือส่วนต่างของคะแนนที่พอจะชี้ผลได้ หากออกมาเป็นบวกต่อตลาด คือ นางฮิลลารี่ชนะ น่าจะกลับเข้ามาซื้อหุ้นขนาดใหญ่กัน หุ้นที่ให้ความสนใจ จะเป็น PTT, KBANK, BLA ในทางกลับกันหากนายทรัมป์พลิกมาเป็นผู้ชนะ ควรลดพอร์ตลง โดยเฉพาะหุ้นขนาดใหญ่ที่นักลงทุนต่างประเทศถือไว้มาก ทั้งนี้ หุ้นที่คาดว่า อาจได้รับความสนใจจากนักลงทุน ตัวอื่นๆ ในส่วนที่กำไรออกมาดี จะเป็น MTLS, CPN ขณะที่หุ้นตัวอื่นๆ CENTEL, FSMART

 

บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ (9 พ.ย.) ผลนับคะแนน Real Time การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐจะทำให้บรรยากาศการซื้อขายในช่วงเช้าเป็นไปอย่างผันผวน และในระหว่างวันให้ติดตามการเคลื่อนไหวของดัชนีตลาดหุ้นดาวโจนส์ล่วงหน้าซึ่งจะเป็นสัญญาณบ่งชี้สำคัญถึงผลการเลือกตั้งในอนาคตอันใกล้ อย่างไรก็ตามยังมีมุมมองเชิงบวกโดยคาดว่าในที่สุดแล้วนางฮิลลารี คลินตันจะเป็นผู้ชนะการเลือกตั้งและได้เป็นประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐซึ่งจะทำให้ SET โดยรวมยังปรับตัวขึ้นได้

หุ้นในกลุ่ม Big Cap อาทิ พลังงาน ธนาคาร และ สื่อสาร จะยังปรับขึ้นและช่วยพยุงตลาด หุ้นขนาดกลางถึงเล็กจะยังมีแรงเก็งกำไรผลประกอบการไตรมาส 3/59 อาทิ TKN, BEAUTY, TACC, CBG และหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัวในวันนี้คือ กลุ่มยางพารา (STA, TRUBB) ซึ่งได้อานิสงส์ราคายางพารากลับสู่เทรนด์ขาขึ้นโดยวันนี้ราคายางพาราในตลาด TOCOM ปรับตัวขึ้นอีก 4 เยนต่อกิโลกรัมเป็น 194 เยนต่อกิโลกรัมเข้าใกล้ระดับสูงสุดเดิมของปีนี้ที่ระดับ 200 เยนต่อกิโลกรัม และอีกกลุ่มคือกลุ่มรับเหมาก่อสร้างได้ Sentiment เชิงบวกจากข่าวครม.มีมติรับหลักการร่าง พ.ร.บ. กองทุนไทยแลนด์ฟิวเจอร์ฟันด์ และกระทรวงคมนาคมเตรียมเสนอ Action Plan ปี 60 เข้าครม.ในสัปดาห์หน้า ส่วนปัจจัยที่ต้องติดตามเพิ่มเติมในเช้าวันนี้คือ 1)จีนรายงานอัตราเงินเฟ้อเดือน ต.ค. 2)ไทย ประชุมกนง.คาดคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 1.5% ตามเดิม

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ : Selective Buy

หุ้นเก็งกำไรระยะสั้น : STA (ซื้อ/เป้า 17.00 บาท) ได้อานิสงส์ราคายางพารากลับสู่เทรนด์ขาขึ้น

 

usa2016

Back to top button