SET บ่ายผันผวน ตลาดฯ จับตาผลเลือกตั้งสหรัฐ โบรกฯ ชู 16 หุ้น ปลอดภัยน่าเก็บ – มีปัจจัยหนุน
SET บ่ายผันผวน ตลาดฯ จับตาผลเลือกตั้งสหรัฐ พร้อมให้แนวรับ 1,480 ส่วนแนวต้าน 1,520 จุด โบรกฯ ชู 16 หุ้น ปลอดภัยน่าเก็บ - มีปัจจัยหนุน นำโดย JASIF, DIF, IRPC CPNRF, KKP, TISCO, BJC, CPALL, BEAUTY, CK, STEC, TU, CPF, BLA, KBANK และ SCB
ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงานตลาดหุ้นไทยดัชนี SET ภาคเช้า (9 พ.ย.) ปรับตัวลงเช่นเดียวกับตลาดภูมิภาคที่ต่างปรับตัวลง หลังผลนับคะแนนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯล่าสุดปรากฎว่า”ทรัมป์”มีคะแนนนำขึ้นมา ทำให้เกิดความวิตกว่า”ทรัมป์”จะชนะการเลือกตั้ง ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้น อย่างไรก็ดียังต้องติดตามผลการเลือกตั้งต่อไปจนกว่าผลจริงจะออกมา ส่วนผลกระทบต่อไทยจะเป็นเรื่องของค่าเงิน และ Sentiment ต่อตลาดเท่านั้น บ่ายนี้ทิศทางตลาดฯยังขึ้นอยู่กับผลการเลือกตั้งของสหรัฐฯ พร้อมให้แนวรับ 1,480 ส่วนแนวต้าน 1,520 จุด
นายธนเดช รังษีธนานนท์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวลงในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่เช้านี้ต่างก็ปรับตัวลงกัน ภายหลังจากที่ผลนับคะแนนการเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐฯล่าสุดนายโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรครีพับลิกัน มีคะแนนนำนางฮิลลารี คลินตัน ผู้สมัครจากพรรคเดโมแครต ทำให้นักลงทุนวิตกว่า”ทรัมป์”จะได้รับชัยชนะ ซึ่งเป็นสิ่งที่นักลงทุนไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้น เมื่อความไม่แน่นอนในการเลือกตั้งเกิดขึ้น นักลงทุนก็เลือกที่จะลดความเสี่ยงก่อน
อย่างไรก็ดี ยังต้องติดตามผลการเลือกตั้งต่อไปจนกว่าผลจะออกมาจริง สำหรับไทยถือว่าไม่ได้ผลกระทบมาก มีเพียงแค่ค่าเงิน และ Sentiment เท่านั้น แนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่ายนี้ ทิศทางตลาดฯขึ้นอยู่กับผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐฯ พร้อมให้แนวรับ 1,480 จุด ส่วนแนวต้าน 1,520 จุด
บล.ธนชาตระบุในบทวิเคราะห์ (9 พ.ย.) ว่าSET ภาคเช้าไม่แกว่งตาม Dow Jones มากนัก แม้ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีอย่างไม่เป็นทางการจะ “พลิก” โดยทรัมป์ มีโอกาสชนะสูงหลังจากที่ชนะคะแนนใน Swing states ไม่ว่าจะเป็น Florida, และ Ohio แต่จากสถิติเลือกตั้ง 7 ครั้งตั้งแต่ปี 1988-2012 จะเห็นว่า SET มีความ “ผันผวน” หลังเลือกตั้งสหรัฐฯ ไม่มากนัก (ให้ผลตอบแทน -0.7% ถึง +1.3% ในช่วง 10 วันหลังเลือกตั้ง) ซึ่งต่างกับตลาดหุ้น Dow Jones ที่ผันผวนมากกว่า (ให้ผลตอบแทน -0.9% ถึง -2.7% ในช่วง 10 วันหลังเลือกตั้ง)
ขณะที่ดอกเบี้ยต่ำ, ดอลลาร์ฯ อ่อน, ทองคำขึ้น ในกรณีที่ทรัมป์ ชนะเลือกตั้ง เราคาดว่าจะส่งผลกระทบต่อภาพเศรษฐกิจโดยรวมดังนี้ 1) Fed มีโอกาสขึ้นดอกเบี้ยในเดือน ธ.ค.ลดลงกว่าเดิม ล่าสุด Implied Fed Fund Futures ขึ้นดอกเบี้ยในเดือน ธ.ค.ลดลงเหลือ 52% และ Bond Yield 10 ปีลดลงเหลือ 1.75%, 2) ทองคำปรับสูงขึ้น 4% และ 3) ค่าเงินดอลลาร์ อ่อนค่าเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลัก
ในขณะเดียวกัน แนะนำ Rate Sensitive และ Domestic Plays จะ Outperform ตลาด กลุ่มหุ้นที่ได้รับผลดีจากดอกเบี้ยต่ำยาวนาน (JASIF, DIF, IRPC CPNRF, KKP, TISCO) และกลุ่มหุ้นที่มีรายได้อิงกับการบริโภค (BJC CPALL BEAUTY) และลงทุนโครงสร้างพื้นฐานในประเทศ (CK STEC) จะ Outperform ตลาด ขณะที่กลุ่มหุ้นที่มีรายได้อิงกับการส่งออก (กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ TU CPF) ดอกเบี้ยต่ำนาน (BLA) และต่างชาติถือหุ้นในสัดส่วนสูง (KBANK SCB) จะ Underperform ตลาด
สรุป 5 หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดภาคเช้า
TRUE มูลค่าการซื้อขาย 7,917.62 ล้านบาท ปิดที่ 7.45 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง
BANPUมูลค่าการซื้อขาย 3,230.93 ล้านบาท ปิดที่ 19.40 บาท เพิ่มขึ้น 0.10 บาท
MTLS มูลค่าการซื้อขาย 2,351.37 ล้านบาท ปิดที่ 20.40 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท
PTT มูลค่าการซื้อขาย 1,966.06 ล้านบาท ปิดที่ 340.00 บาท ลดลง 9.00 บาท
ESSO มูลค่าการซื้อขาย 1,841.73 ล้านบาท ปิดที่ 12.70 บาท เพิ่มขึ้น 0.20 บาท