แรงเก็งกำไรงบ Q3 ดัน SET ขยับขึ้นเก็บ 12 หุ้นร้อน ปัจจัยในประเทศหนุน
นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยเช้านี้เคลื่อนไหวผันผวน หุ้นในกลุ่มหญ่อย่างพลังงานและธนาคารจะยังถูกกดดันจาก Fund Flow ต่างชาติที่ยังไหลออก อย่างไรก็ตาม ดัชนีมีโอกาสปรับตัวขึ้นบ้างจากแรงเก็งกำไรผลประกอบการไตรมาสของบริษัทจดทะเบียน 3/59 ที่ทยอยประกาศออกมา
ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์ รายงาน เช้านี้ ณ เวลา 9.17 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 35.35 บาทต่อเหรียญ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ปรับตัวลงในเช้าวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐ จะประกาศให้จีนเป็นประเทศที่ปั่นค่าเงิน รวมถึงออกนโยบายปิดกั้นการค้ากับจีน
นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยเช้านี้เคลื่อนไหวผันผวน หุ้นในกลุ่มหญ่อย่างพลังงานและธนาคารจะยังถูกกดดันจาก Fund Flow ต่างชาติที่ยังไหลออก อย่างไรก็ตาม ดัชนีมีมีโอกาสปรับตัวขึ้นบ้างจากแรงเก็งกำไรผลประกอบการไตรมาสของบริษัทจดทะเบียน 3/59 ที่ทยอยประกาศออกมา
หุ้นเด่นเลือก CPF-BJC-CPALL-BEAUTY-CK-STEC-TTA-PSL-RCL-MALEE-STA และ TRUBB
บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (11 พ.ย.) ว่า SET มีแนวโน้มปรับสูงขึ้นทดสอบ 1,520 +/- จุด อีกครั้งวันนี้ ตามตลาดหุ้น Dow Jones ปรับสูงขึ้น +1.17% เมื่อคืนที่ผ่านมา โดยนักลงทุนมองความเป็นไปได้ต่อนโยบายเศรษฐกิจโดนัล ทรัมป์ ที่เน้นการเติบโตภายในประเทศ และมาตรการลดภาษีจะช่วยหนุนกำไรบริษัทจดทะเบียน โดยมาตรการส่วนใหญ่จะส่งผลให้หนี้สาธารณะสหรัฐฯ (ส่งผล Credit Rating) และอัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น (ใช้แรงงานในประเทศซึ่งมีต้นทุนสูง) ซึ่งจะนำมาซึ่งการขึ้นดอกเบี้ยในระยะถัดไป หนุน Bond Yield 10 ปีสหรัฐฯ ปรับสูงขึ้นมาที่ 2.17% เช้านี้ (กระแสเงินทุนจะไหลออกจาก Bond เข้าสู่ตลาดหุ้น) และคาดว่าจะทำให้ Bond Yield ในประเทศปรับสูงขึ้นด้วย
แนะนำ “Selective” ต่อเนื่อง เน้น 1) กลุ่มหุ้นที่มีรายได้อิงกับการบริโภคภายในประเทศ (BJC CPALL -กำไรไตรมาส 3/59 ดีกว่าคาด, BEAUTY – คาดกำไรไตรมาส 3/59 เติบโตแกร่ง), 2) ลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน (CK – NAV บริษัทลูกที่ 30.5 บาท/หุ้น, STEC – กำไรไตรมาส 3/59ใกล้เคียงคาด) และ 3) ได้ประโยชน์จากการอ่อนค่าของเงินบาท (CPF – คาดกำไรไตรมาส 3/59ดี และผลดีทางอ้อมจากกำไร CPALL ที่ออกมาแข็งแกร่ง)
บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ (11 พ.ย.) คาด SET ยังเคลื่อนไหวผันผวนในทิศทางบวก อย่างไรก็ตามการ ปรับขึ้นของดัชนีจะอยู่ในกรอบจำกัด เนื่องจากหุ้นในกลุ่มขนาดใหญ่ อาทิ พลังงาน และธนาคาร จะยังถูกกดดันจาก Fund Flow ต่างชาติที่ยังไหลออก ประกอบกับวันนี้ทั้ง 2 กลุ่มมีปัจจัยลบเฉพาะตัว คือราคาน้ำมันดิบลดลงต่ำกว่าระดับ 45$/bbl และกลุ่มธนาคารมี NPL ในไตรมาส 3/16 เพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบกว่า 5 ปี
ด้านกลุ่มสื่อสารยังมีความผันผวนสูงจากกระแสข่าวควบรวมกิจการซึ่งอาจจะออกมาได้ทั้งทางบวกและลบซึ่งต้องใช้ความระมัดระวังอย่างสูงส่วนหุ้นในกลุ่มขนาดกลางถึงเล็กคาดว่าจะมีแรงเก็งกำไรผลประกอบการไตรมาส 3/59 เหมือนกับในช่วงหลายวันที่ผ่านมา แต่ให้ระวัง Sell of fact สำหรับหุ้นที่งบออกมาตามคาดและเน้นหุ้นที่ผลการดำเนินงานดีเกินคาด อาทิ MALEE ส่วนกลุ่มที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัวที่น่าสนใจในวันนี้คือ กลุ่มยางพารา (STA และ TRUBB) ราคายางปรับขึ้นต่อเนื่อง และกลุ่มเดินเรือ (TTA, PSL, RCL) ดัชนีค่าระวางเรือเพิ่มขึ้นทำสถิติสูงสุดของปีอีกครั้ง
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ : Selective Buy
หุ้นเก็งกำไรระยะสั้น : MALEE (เป้า 105 บาท) งบไตรมาส 3/59 ดีเกินคาด
บล.แอพเพิล เวลธ์ ระบุในบทวิเคราะห์ (11 พ.ย.) ว่า ปัจจัยหลักที่หนุนตลาดยังเป็น Sentiment ตลาดหุ้นในภูมิภาคที่ปรับตัวดีขึ้น โดยหุ้นในกลุ่มภาคธนาคาร, เหมืองแร่, ธุรกิจยา & สุขภาพ ได้แรงหนุนจากนโยบายของทรัมป์ ขณะที่ภาคการค้ายังต้องติดตามแนวนโยบายที่ชัดเจนหลังจากทรัมป์รับตำแหน่งในช่วงต้นปีหน้า ปัจจัยในประเทศยังได้แรงหนุนจากรายงานผลประกอบการไตรมาส 3/59 วันนี้ติดตามงบ PTT คาดอยู่ที่ระดับ 2.5 หมื่นล้านบาท
กลยุทธ์การลงทุน ประเมินดัชนียังแกว่งตัวในกรอบ 1,500 – 1,520 จุด เนื่องจาก Fund Flow ในตลาด TIP ยังชะลอตัว ระยะสั้นแนะนำเก็งกำไร STA (+ ราคายางที่ตลาด Tocom ปรับตัวเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 194.7 เยน/กก.)