จัดเต็ม 9 หุ้นร้อนน่าเก็บ SET ฟื้นตัวต่อเนื่อง

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้ยังผันผวน อย่างไรก็ตามมีแนวโน้มที่จะรีบาวด์ต่อจากวันก่อน โดยตัวแปรที่จะมีผลต่อตลาดในระหว่างวัน คือ Bond Yield และค่าเงินดอลล่าร์ การลงทุนแนะนำเก็งกำไรช่วงสั้นเท่านั้น โดยเล่นหุ้นที่มีข่าวตามสื่อต่างๆ หรืองบไตรมาสที่ผ่านมาที่ออกมาดี


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์ รายงาน เช้านี้ ณ เวลา 9.22 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 35.39 บาทต่อเหรียญ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังนักลงทุนซึมซับผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐที่พลิกความคาดหมาย นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นเกือบ 6% รวมทั้งข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้ยังผันผวน อย่างไรก็ตามมีแนวโน้มที่จะรีบาวด์ต่อจากวันก่อน โดยตัวแปรที่จะมีผลต่อตลาดในระหว่างวัน คือ Bond Yield และค่าเงินดอลล่าร์ การลงทุนแนะนำเก็งกำไรช่วงสั้นเท่านั้น โดยเล่นหุ้นที่มีข่าวตามสื่อต่างๆ หรืองบไตรมาสที่ผ่านมาที่ออกมาดี หุ้นเด่นเลือก KCE-BJC-VNG-WICE-BCH-TOG-THANI-STA และ PAP

 

บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (15 พ.ย.) ว่า การปรับลดลงต่ำกว่าแนวรับที่ 1,480 จุด ในช่วงต้นสัปดาห์ ประกอบกับการ “ปรับพอร์ต” ของนักลงทุนต่างชาติอย่างต่อเนื่อง ทำให้ SET ยังอยู่ในแนวโน้ม “สร้างฐาน” ในกรอบ 1,455 – 1,480 จุด ต่อไป ขณะที่มองความ “ผันผวน” ของตลาดหุ้นโลกจะกดดัน Sentient ตลาดหุ้นไทย เพียงระยะสั้นเท่านั้น โดยปัจจัยพื้นฐานยังไม่เปลี่ยนแปลง และถ้าพิจารณาในทางสถิติ SET และตลาดหุ้น Dow Jones มีโอกาสให้ผลตอบแทนเป็น “บวก” กว่า 70% หลังการเลือกตั้งสหรัฐฯ ไปแล้ว 3 เดือน

แนะนำ “ซื้อ” หุ้นพื้นฐานดี ที่ได้แรงหนุนจาก MSCI อย่าง KCE และ BJC

BJC : ราคาหุ้นปรับลดลงสวนทางกับผลการดำเนินงานไตรมาส 3/16 ที่ออกมาดีกว่าคาด และแนวโน้มกำไรไตรมาส 4/16 ที่คาดว่าจะขยายตัวแกร่งทั้งช่วงเดียวกับของปีก่อน และไตรมาสก่อน และปี 2017 จะรับรู้ผลของการซื้อ BIGC เข้ามาเต็มปีคาดกำไรขยายตัว 125% เป็น 7.3 พันล้านบาท จากปีนี้ที่ 3.3 พันล้านบาท

KCE : กำไรไตรมาส 3/16 ที่อ่อนแอกว่าคาดเล็กน้อยไม่ได้ทำให้ Outlook ธุรกิจผลิตแผง PCB ที่มีการเติบโตหมดไป โดยการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตอย่างต่อเนื่องหนุนอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นเป็น 36% และคาดการณ์กำไรเติบโต 44-27% ในปี 2016-17

 

บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ (15 พ.ย.) คาด SET ยังเคลื่อนไหวผันผวนและมีโอกาสเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากวานนี้ โดยมีปัจจัยหนุนจาก 1) หุ้นในกลุ่มธุรกิจน้ำมันและโรงกลั่นคาดว่าจะมีแรงเก็งกำไรต่อเนื่องจากเมื่อวานหลังจากราคาน้ำมันดิบกลับมาบวกแรงกว่า 2.49$/bbl ปิดเหนือระดับ 45$/bbl ได้เป็นวันแรกในรอบกว่า 8 วัน เนื่องจากมีการคาดการณ์กันว่ากลุ่มโอเปคจะสามารถบรรลุข้อตกลงในการลดกำลังการผลิตได้ 2) อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปี (Bond Yield) ของไทยและสหรัฐไม่ได้ปรับขึ้นต่อเนื่อง ทำให้การไหลออกของ Fund Flow ในระยะสั้นน่าจะลดลง ส่งผลให้หุ้นในกลุ่ม Big Cap มีโอกาสฟื้นตัว อาทิ SCC และ ADVANC ซึ่งราคาปรับตัวลงมามาก

ส่วนหุ้นขนาดกลางถึงเล็กยังมีแรงเก็งกำไรต่อเนื่องโดยเฉพาะกลุ่มที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว อาทิ กลุ่มที่ถูกปรับเข้าคำนวณในดัชนี MSCI รอบใหม่ KCE COM7 MALEE TKN TFG  กลุ่มเดินเรือ (TTA, PSL, RCL) ดัชนีค่าระวางเรือเพิ่มขึ้นทำสถิติสูงสุดใหม่ของปีและยืนเหนือระดับ 1,000 จุดซึ่งใกล้เคียงกับระดับ Breakeven ของกลุ่มเดินเรือ กลุ่มยางพารา (STA) ราคายางกลับสู่เทรนด์ขาขึ้น และกลุ่มเหล็ก PAP รับอานิสงส์วานนี้มีประกาศในราชกิจจานุเบกษาให้ประกาศใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดเหล็กหลอด และท่อเหล็ก นำเข้าจากประเทศจีน และ เกาหลีใต้เป็นการชั่วคราว

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ : Selective Buy

หุ้นเก็งกำไรระยะสั้น : STA (ซื้อ/ เป้า 17.00 บาท) ราคายางกลับสู่เทรนด์ขาขึ้นหนุนผลประกอบการไตรมาส 4/59 พลิกมีกำไร, PAP (ซื้อ /เป้า Consensus 5.80 บาท) ได้ผลบวกรัฐประกาศในราชกิจจานุเบกษาให้บังคับใช้มาตรการ AD ท่อเหล็กนำเข้าจากจีนและเกาหลีเป็นเวลา 4 เดือน

 

บล.เคทีบี (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (15 พ.ย.) ประเมินตลาดหุ้นไทยวันนี้ มีแนวโน้มที่จะ rebound ต่อจากวันก่อน ตัวแปรที่จะมีผลต่อตลาดในระหว่างวัน คือ Bond Yield และค่าเงินดอลล่าร์

กลยุทธ์การลงทุน โดยรวมยังแนะนำนักลงทุนชะลอการลงทุนหรือเล่นสั้นๆ ไว้ก่อนจนกว่าตลาดจะนิ่งและชัดขึ้น การขายของนักลงทุนต่างประเทศ (หุ้น+พันธบัตร) น่าจะยังมีต่อ เนื่องจากโอกาสในการปรับขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐฯ เดือน ธ.ค.ยังมีอยู่ รวมถึงการปรับขึ้นในช่วงต่อไปที่อาจมากกว่าที่ตลาดเคยคาดการณ์ จึงยังเป็นลบต่อหุ้นใหญ่ที่ขาดปัจจัยหนุนหรือไม่แข็งแรงพอ ตลาดแบบนี้ เหมาะกับการเก็งกำไรช่วงสั้นเท่านั้น คือเล่นหุ้นที่มีข่าวตามสื่อต่างๆ หรืองบไตรมาสที่ผ่านมาที่ออกมาดีและยังคงดีต่อเนื่อง

หุ้นที่คาดว่าอาจได้รับความสนใจจากนักลงทุน อาทิ VNG, WICE, BCH, TOG, THANI

Back to top button