SET บ่ายแกว่งตัว ติดตามตัวเลข GDP งวด Q3/59โบรกฯ แนะ “ซื้อ” BJC เป้า 62 บ. ปัจจัยหนุนเพียบ

SET บ่ายแกว่งตัว – ติดตามตัวเลข GDP งวด Q3/59 ในวันจันทร์หน้า โดยให้แนวรับ 1,460 ส่วนแนวต้าน 1,475-1,480 จุด โบรกฯ แนะ “ซื้อ” BJC เป้า 62 บ. ปัจจัยหนุนเพียบ


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงานตลาดหุ้นไทยดัชนี SET ภาคเช้า (18 พ.ย.) ย่อตัวลง หลังเจอ Sentiment ลบจากประธานเฟดส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยในเดือนธ.ค. ส่งผลให้เงินดอลลาร์สหรัฐฯแข็งค่าขณะที่เงินบาทอ่อนค่าลง อีกทั้งเงินทุนยังไหลออกอย่างต่อเนื่องด้วย พร้อมให้ติดตามตัวเลข GDP ของไทยงวดไตรมาส 3/59 ในวันจันทร์หน้า บ่ายนี้ตลาดฯคงแกว่งตัวออกด้านข้าง โดยให้แนวรับ 1,460 ส่วนแนวต้าน 1,475-1,480 จุด

 

นายเอกภาวิน สุนทราภิชาติ ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.ไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ย่อตัวลง รับ Sentiment ลบจากที่เมื่อคืนที่ผ่านมา นางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค. ส่งผลให้เงินดอลลาร์สหรัฐฯแข็งค่าขึ้น และเงินบาทก็อ่อนค่าลง อีกทั้งเงินทุนยังไหลออกอย่างต่อเนื่องด้วย

ทั้งนี้ ยังคงให้ติดตามตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของไทยงวดไตรมาส 3/59 ที่จะประกาศในวันจันทร์ที่จะถึงนี้ (21 พ.ย.) ซึ่งจะเป็นปัจจัยที่เป็นตัวกำหนดทิศทางตลาดฯด้วยเช่นกัน แนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่ายนี้ ตลาดฯคงจะเป็นภาพของการแกว่งตัวออกด้านข้าง โดยให้แนวรับ 1,460 จุด ส่วนแนวต้าน 1,475-1,480 จุด

 

บล.ธนชาตระบุในบทวิเคราะห์ (18 พ.ย.) ว่า SET ภาคเช้าโดนกดดัน เนื่องจากเงินดอลลาร์ฯ แข็งค่า และ Bond Yield ที่ปรับสูงขึ้น หลัง Janet Yellen ส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยเร็วๆ นี้ และด้วยนโยบายการคลังของทรัมป์ ที่เน้นการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน, การจ้างงานในประเทศที่มีค่าจ้างสูง, และการก่อหนี้เพิ่มขึ้น ขณะที่รายได้รัฐบาลที่มาจากภาษีลดลง มีแนวโน้มทำให้เงินเฟ้อเร่งตัวขึ้น เป็นปัจจัยกดดันอัตราผลตอบแทนพันธบัตร 10 ปีสหรัฐฯ (Bond Yield) เพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง จากระดับ 1.85% ก่อนการเลือกตั้งสหรัฐฯ มาที่ระดับ 2.30% ในปัจจุบัน ซึ่งทั้ง 1) การแข็งค่าของเงินดอลลาร์ฯ และ 2) Bond Yield ที่ปรับสูงขึ้นเป็นปัจจัยกดดันเงินทุนไหลออกช่วงนี้ อย่างไรก็ตามด้วยเม็ดเงินจากกองทุน LTF ประมาณ 2-3 หมื่นล้านบาทปลายปีนี้ จะเป็น “ตัวช่วย” จำกัด Downside Risk ที่ 1,455 จุด

ในขณะเดียวกัน แนะนำ“ซื้อ” BJC ปรับเป้าหมายพื้นฐานขึ้นเป็น 62 บาท และปรับประมาณการกำไรปี 2559-2561 ขึ้นจากเดิม 8-12% จาก 1) อัตรากำไร BIGC ขยายตัวดีกว่าคาดที่ 17.8% ไตรมาส 3/59 จากเดิมที่ 12.9% ในช่วงเดียวกันปีก่อน หลังมีกลยุทธ์ลดสัดส่วนการขายที่มี Margin ต่ำ 2) กำไรไตรมาส 4/59 จะยังแข็งแกร่งต่อ เนื่องจากเป็นช่วง High Season ของธุรกิจค้าปลีก และการลดดอกเบี้ยจ่ายลง คาดกำไรที่ 1.67 พันล้านบาท +146% y-y และ +133% q-q 3) Synergy ในการทำ Private brand และ Cross-sell สินค้า หนุนการเติบโตกำไรปี 2016-19 เฉลี่ย 47% และ 4) MSCI นำ BJC เข้าดัชนีอ้างอิงปลายเดือนนี้ เป็นปัจจัยบวกต่อราคาหุ้นในช่วง 1-2 สัปดาห์นี้ ขณะที่ทางเทคนิคทำจุดสูงใหม่ประเมินแนวต้านที่ 55 หรือถัดไปที่ 58 บาท

 

สรุป 5 หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดภาคเช้า  

BANPU  มูลค่าการซื้อขาย 2,069.03 ล้านบาท ปิดที่  17.60 บาท ลดลง  0.60 บาท

CPF มูลค่าการซื้อขาย   963.24 ล้านบาท ปิดที่  27.50 บาท ลดลง  0.25 บาท

BEAUTY มูลค่าการซื้อขาย   866.85 ล้านบาท ปิดที่  10.80 บาท ลดลง  0.50 บาท

DTAC มูลค่าการซื้อขาย   857.83 ล้านบาท ปิดที่  34.75 บาท ลดลง  1.50 บาท

FN  มูลค่าการซื้อขาย   848.44 ล้านบาท ปิดที่   6.45 บาท เพิ่มขึ้น 0.05 บาท

Back to top button